นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมหารือมาตรการเศรษฐกิจ ร่วมกับกระทรวงการคลังและน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหามาตรการกระตุ้นการบริโภค และหารือกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อหามาตรการเสริมด้านการท่องเที่ยว รวมทั้งพิจารณาแนวทางการพักชำระหนี้ระยะยาวตามคำขอภาคเอกชน หลังจากมาตรการช่วยเหลือพักหนี้ 6 เดือนจะสิ้นสุดในเดือน ต.ค.นี้
นายสมคิด กล่าวว่า ฝากให้กระทรวงคลัง กรมสรรพากร หามาตรการกระตุ้นการบริโภคเพื่อมารองรับการส่งเสริมการท่องเที่ยว และหามาตรการเสริมการท่องเที่ยวในระดับชุมชมให้มากขึ้น โดยขอให้เร่งจัดหามาตรการออกมาภายในกลางเดือน ก.ค.นี้ เพื่อที่จะไปเสริมกับมาตราการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่รัฐบาลประกาศออกมาก่อนหน้านี้
พร้อมกับกำชับให้สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (สศช.) หรือ สภาพัฒน์จัดทำโครงการภายใต้งบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 4 แสนล้านบาทภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยจะต้องเน้นการสร้างงาน และพัฒนาท้องถิ่นให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อรองรับแรงงานที่ย้ายถิ่นฐานกลับภูมิลำเนาหลังจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19
และมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำเรื่องกองทุน สสว. เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ส่วนธุรกิจที่มีขนาด 500 ล้านบาท หรืออุตสาหกรรมบางประเภทที่ต้องการรักษาไว้ ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ ก็ได้ฝากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาหาแนวทางการช่วยเหลือ และให้มีมาตรการออกมาภายในกลางเดือน ก.ค.นี้
"ถ้าเราทำอย่างนี้ไว้ และหวังว่าการส่งออกจากฟื้นขึ้นมาปลายปีหรือต้นปีหน้า สถานการณ์ก็จะดีขึ้น"นายสมคิด กล่าว
ส่วนกรณีที่ภาคเอกชนเสนอให้สถาบันการเงินขยายเวลาการพักชำระหนี้ไปเป็น 2 ปี จากเดิมที่มาตรการช่วยเหลือด้วยการพักชำระหนี้ 6 เดือนจะสิ้นสุในเดือน ต.ค.นี้นั้น นายสมคิด กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณา
"อยากให้รู้ว่า กระทรวงคลัง แบงก์ชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามดูแลในสิ่งที่ดูแลได้ ผมให้การบ้านกับรมว.คลังไปแล้ว หวังว่าไม่เกินกลางเดือนนี้จะทยอยออกมา และเชื่อว่าหลายๆอย่างจะดีขึ้น"นายสมคิด กล่าว