โกลด์แมนแซคส์แนะจีนใช้มาตรการคุมอุปสงค์-เงินเฟ้อเงินหมุนเวียนในระบบ M2

          โกลด์แมน แซคส์ชี้ว่า จีนจำเป็นต้องใช้มาตรการ"ขั้นเด็ดขาด"เพื่อควบคุมระดับการขยายตัวของอุปสงค์ที่สูงเกินไป รวมถึงควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 
          สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนเม.ย อัตราการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ปรับตัวลดลงแตะที่ 17.1% ขณะที่เงินหมุนเวียนในระบบบ M3 ซึ่งนับรวมปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 บวกกับเงินฝากในสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารนั้นปรับตัวสูงขึ้น 19.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี
           เหลียง ฮอง หัวหน้านักศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ เอเชีย เปิดเผยว่า "การขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M3 ที่รวดเร็วกว่าปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน"
           นอกจากนี้ ตัวเลขจากธนาคารระบุว่า พันธบัตรที่ออกโดยสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารในเดือนเม.ย.นั้นขยายตัวเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี นอกจากนี้เงินฝากจากสถาบันการเงินนอกระบบ M2 พุ่งสูงขึ้น 63% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
          ทั้งนี้ นับตั้งแต่จีนมีอัตราการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M3 พุ่งสูงขึ้นเหนือระดับ 19% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และจีนอาจต้องเผชิญภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในอีกไม่ช้า
          อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดภาวะเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 3.6% ในปีนี้  ขณะที่ธนาคารกลางจีนคาดการณ์ว่า CPI ของจีนจะพุ่งขึ้นแตะ 3.2% โดยจะขยายตัวในระดับสูงสุดที่ 3.5% ในไตรมาสที่สามของปีนี้