นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับนายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งว่า ได้มอบนโยบาย 2 เรื่องให้ธนาคารออมสินไปเร่งดำเนินการ คือ 1.ลดผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 ให้ผู้ประกอบการรายย่อย (คนตัวเล็ก) กลุ่มพ่อค้า แม่ค้า หาบเร่แผงลอย ที่ไม่มีที่พึ่งพิง จนต้องไปกู้หนี้นอกระบบดอกเบี้ย 24-28% ต่อปี โดยขยายมาตรการพักชำระหนี้และให้สินเชื่อเพิ่ม โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและบริการให้ดูแลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องตึงตัว
และ 2.เตรียมแผนงานระยะต่อไป ในการดูแลผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเริ่มต้นทำธุรกิจในยุคหลัง New Normal ให้เป็นธนาคารสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ พัฒนาสตาร์ทอัพ และร่วมกับมหาวิทยาลัย ในการเสริมองค์ความรู้ และดูแลกลุ่มที่ต้องการเงินทุน เช่น นักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ แม่บ้านที่ต้องการทำอาหารขาย ก็ให้มาขอสินเชื่อจากธนาคารได้ โดยธนาคารต้องพร้อมให้ความร่วมมือ ซึ่งจะให้มีบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาร่วมด้วย
"ธนาคารออมสินรายงานว่าในพอร์ตสินเชื่อมีการดำเนินงานและมีลูกค้าตามนโยบายรัฐบาลกว่า 30% จะต้องเพิ่มสัดส่วนลูกค้ากลุ่มคนตัวเล็ก และกลุ่มเอสเอ็มอีเข้าไปอีก เพื่อให้เป็นธนาคารรัฐแห่งแรกที่โดดออกมาดูแลในเรื่องนี้ เป็นธนาคารสำหรับอนาคต คนตัวเล็กที่แท้จริง ไม่ใช่เก่งแต่เรื่องรับฝากเงิน" นายสมคิด กล่าว
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า ธนาคารออมสินจะเตรียมวงเงินไว้สำหรับ 2 มาตรการ คือ 1.เพิ่มวงเงินสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับคนตัวเล็กจำนวน 2 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉินลดผลกระทบโควิด-19 เต็มวงเงินแล้ว ช่วยประชาชนได้กว่า 1 ล้านราย และ 2.มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) รอบใหม่ 1 แสนล้านบาท โดยจะปล่อยให้กับธุรกิจท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ ซึ่งจะใช้ปล่อยให้กับธนาคารพาณิชย์และมีบสย.ค้ำประกัน ซึ่งน่าจะออกมาเร็ว ๆ นี้
ขณะที่ นายวิทัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน กล่าวว่า มาตรการสินเชื่อคนตัวเล็กจะใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับสินเชื่อฉุกเฉิน แต่มีการปรับเงื่อนไขจากเดิม เป็นรายละไม่เกิน 3-5 หมื่นบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อเดือน โดยผู้เข้าโครงการจะต้องมาลงทะเบียนใช้สิทธิ เพราะเป็นการเปิดรอบใหม่ โดยจะมีการนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้า
ส่วนมาตรการซอฟท์โลน 1 แสนล้านบาท จะมีการกำหนดเงื่อนไขชัดเจน และแตกต่างจากซอฟท์โลน 5 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยปล่อยให้กลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ไม่รวมธุรกิจสายการบิน และจะปล่อยให้ทั้งลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่า ไม่กำหนดว่าจะต้องเป็นหนี้ที่อยู่ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค.2562 รายละไม่เกิน 50 ล้านบาท โดยยังคิดอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี ปล่อยให้ธนาคารไปคิดดอกเบี้ยไม่เกิน 2% ต่อปี ส่วนซอฟท์โลนออมสินรอบแรก 1.5 แสนล้านบาท ปล่อยได้แล้ว 1.2 แสนล้านบาทใกล้ครบวงเงินแล้ว
"ในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ธนาคารออมสินจะเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อให้กลับมาเป็นธนาคารเพื่อสังคมโดยแท้จริง จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันมีหนี้นอกระบบ จากพิโกไฟแนนซ์และ นาโนไฟแนนซ์ ที่ยังคิดอัตราดอกเบี้ยสูงมาก 24-28% โดยธนาคารออมสิน จะดึงอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้เหลือไม่เกิน 18% ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำแผน ถือเป็นแผนระยะกลาง" นายวิทัย กล่าว