นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผย ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้บีโอไอ ปรับเงื่อนไขมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อม ให้สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยจูงใจให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มเติมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเงื่อนไขใหม่นี้จะมุ่งเน้นให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการ มีระยะเวลาดำเนินการสอดคล้องกับมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และทำให้มาตรการสามารถดำเนินการในทางปฏิบัติได้มากขึ้น
สำหรับเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุนเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ปรับปรุงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ประกอบด้วย 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ขยายเวลาดำเนินการ จากเดิมกำหนดให้ผู้ประกอบการที่สนใจต้องยื่นคำขอดำเนินการภายในปี 2551 และดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2553 ปรับเป็นเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นคำขอได้ภายในปี 2552 และดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2554 2.ผู้ที่ได้รับการส่งเสริม และยังเหลือสิทธิในการยกเว้น/ลดหย่อนภาษีเงินได้อยู่ สามารถขอรับการส่งเสริมภายใต้มาตรการนี้ได้
ด้านนายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การปรับเงื่อนไขดังกล่าวจะแก้ไขปัญหาเรื่องข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการดำเนินโครงการได้มากขึ้น เนื่องจากตามข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมาย ในพื้นที่มาบตาพุด มีแผนที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คิดเป็นมูลค่าประมาณ 16,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการตามโครงการนานที่สุด คือภายในปี 2554
สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับส่งเสริมภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมตามข้อกำหนดของบีโอไอ จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการปรับปรุง ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 3 ปี เป็นสัดส่วนร้อยละ 70 ของมูลค่าเงินลงทุนที่ใช้ในการปรับปรุง โดยยกเว้นจากรายได้ของกิจการที่ดำเนินการอยู่
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--