นายวิเชฐ ตันติวนิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ระบุว่า จะหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อประเมินปัญหาและผลกระทบจากการที่เงินบาทแข็งค่าที่มีต่อบริษัทจดทะเบียน ขณะที่สมาคมบริษัทจดทะเบียน(บจ.)เตรียมที่จะหารือเรื่องดังกล่าวกับสมาคมผู้ส่งออกในสัปดาห์หน้าด้วย
ขณะนี้บริษัทที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท คือ กลุ่มสิ่งทอและเกษตร ทำให้รายได้อาจลดลง และเป็นห่วงต่อว่าในอนาคตหากปัญหาค่าเงินยังยืดเยื้อ กลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้อาจจะกลายเป็น NPLs ของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ตลท.จะมีการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์ถึงการช่วยเหลือบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว เช่น การทำสวอป หรือป้องกันค่าเงิน เนื่องจากที่ผ่านมามีสัญญาณแข็งค่าตั้งแต่ปลายปีก่อนจนถึงปัจจุบัน และบริษัทที่มีการทำป้องกันความเสี่ยงไว้แล้วจะไม่ได้รับผลกระทบ
นายวิเชฐ กล่าวต่อว่า การเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติเพื่อเก็งกำไรค่าเงินไม่ได้ปฎิเสธ เพราะช่วงนี้ทำได้ แต่เม็ดเงินที่ไหลเข้ามาน้อยมากที่จะต้องการเก็งกำไรจากค่าเงิน โดยเชื่อว่าเม็ดเงินต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากมองว่า PE ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 12-13 เท่า ขณะที่ PE ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซียอยู่ที่ 17 เท่า
และหากเปรียบเทียบมูลค่าของบริษัทจดทะเบียนกับประเทศเพื่อนบ้านแล้วไทยยังมีราคาถูกกว่า อีกทั้งในช่วงที่ผ่านไทยก็ไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนต่างประเทศรู้จัก ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามา
นายวิเชฐ กล่าวว่า อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เพราะมองว่าถ้ายกเลิกจะทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดอื่น ๆ นอกเหนือจากตลาดหุ้นเพียงอย่างเดียว แต่การไหลเข้ามาควรจะมีการเก็งกำไรหรือภาษีจากเงินที่จะส่งออกไปนอกประเทศด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--