นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคาหมูปรับตัวสูงขึ้นว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรม ได้หารือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และห้างค้าปลีกรายใหญ่ เพื่อพิจารณามาตรการดูแลราคาเนื้อหมู โดยได้มีข้อตกลงกับสมาคมว่าจะจำหน่ายหมูมีชีวิตกิโลกรัม (กก.) ละไม่เกิน 80 บาท เพื่อให้ราคาหมูเนื้อแดงหน้าเขียง กก.ละไม่เกิน 150 บาท และเนื้อสันกก.ละไม่เกิน 160 บาท แต่หากพบว่าราคาเกินไปจากที่ได้ตกลงกันไว้ จะใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นจากมาตรการเบาไปหาหนัก โดยจะเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน กำหนดราคาควบคุมสูงสุดต่อไป
"ถ้าขายตามราคาที่ตกลง ทั้งราคาหมูเป็น กก.ละ 80 บาท หมูเนื้อแดงกก.ละ 150 บาท และเนื้อสันกก.ละ 160 บาท ไม่ได้ผล ก็จะมาดูเรื่องการส่งออก ระยะแรกจะจำกัดการส่งออกไม่ให้เกินวันละ 5,000 ตัว จากตอนนี้ส่งออกวันละ 10,000 ตัว โดยจะมาดูร่วมกับผู้ส่งออกว่าจะให้ใครเป็นผู้ส่งออกได้บ้าง และถ้าปัญหายังไม่คลี่คลาย จะใช้มาตรการรุนแรงสุด คือ การระงับการส่งออกชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น" อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้มีความต้องการหมูเพิ่มขึ้น มาจากการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริการะบาด ทำให้ผลผลิตหมูในจีน เวียดนาม กัมพูชา และลาว เสียหาย จึงนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดส่งออกเพิ่มจากวันละ 5,000-6,000 ตัวเป็น 10,000 ตัว และยังมีความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นจากการคลายล็อกดาวน์ ที่ทำให้โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้ง และเปิดเทอม
ส่วนการดูแลผู้บริโภคนั้น กรมการค้าภายในได้ร่วมมือกับผู้ผลิต นำหมูชำแหละมากระจายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ โดยจะจำหน่ายหมูเนื้อแดง กก.ละ 130 บาท เริ่มที่ห้างแม็คโคร วันที่ 22 ก.ค.63 ทุกสาขาทั่วประเทศ เพื่อช่วยผู้บริโภคให้สามารถซื้อหมูราคาถูก ส่วนที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด อยู่ระหว่างการประสานงาน และจะมีจำหน่ายในระยะต่อไป
นอกจากนี้ กรมฯ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบการจำหน่ายเนื้อหมูตามตลาดสดต่างๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยปัจจุบัน พบว่า ราคาจำหน่ายเฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 150-160 บาท ยกเว้นบางตลาดที่จำหน่ายในราคาสูงกว่านี้ เช่น ตลาดพรานนก กก.ละ 170 บาท ตลาดรามอินทรา กม.2 กก.ละ 170 บาท และตลาดดาวคะนอง กก.ละ 170-175 บาท ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ส่วนในต่างจังหวัดได้ขอความร่วมมือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ด้านน.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า สมาคมฯร่วมกับสมาชิกทั่วประเทศ จะจัดกิจกรรม "เนื้อหมู...สู้โควิด" จำหน่ายหมูสดลดค่าครองชีพประชาชนทุกภูมิภาคทั่วไทย ราคา 130 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อส่งตรงเนื้อหมูคุณภาพจากฟาร์มเลี้ยงถึงมือผู้บริโภค ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง โดยจะจัดจำหน่ายพร้อมกันทุกภาคในวันที่ 7 ส.ค. ตอกย้ำความมุ่งมั่นของผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศในการดูแลประชาชน และให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในการดูแลราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไม่ให้เกินกิโลกรัมละ 80 บาท เพื่อให้ราคาขายปลีกเนื้อหมูหน้าเขียงปลายทางไม่เกิน 160 บาทต่อกิโลกรัม
พร้อมย้ำว่าเกษตรกรทั่วประเทศต่างร่วมกันบริหารจัดการทั้งระบบเพื่อดูแลผู้บริโภคภายในก่อนมาโดยตลอด และการผลิตยังคงเพียงพอกับการบริโภค ไม่เคยมีปัญหาขาดแคลน
"หมูมีชีวิตหน้าฟาร์มปัจจุบันราคาอยู่ที่ 78-79 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนสูงถึง 71 บาทแล้ว แต่เกษตรกรทุกคนยังร่วมกันตรึงราคาตามที่สัญญากับกรมการค้าภายใน แม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องแบกรับภาระขาดทุนมานานกว่า 3 ปี และต้องเข้มงวดกับการทำตามมาตรฐานการป้องกันโรค ASF ด้วยระบบไบโอซีเคียวริตีเต็มรูปแบบ ทำให้เกษตรกรมีต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 100-200 บาทต่อตัว เพื่อป้องกันประเทศไทยจากโรคนี้ รวมทั้งเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้เนื้อหมูที่ปลอดภัย และไม่ต้องประสบภาวะขาดแคลนเนื้อหมูดังเช่นประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ปริมาณหมูเสียหายจากโรคนี้ จนทำให้ราคาหมูเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว" น.สพ.วิวัฒน์ กล่าว