นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) กล่าวว่า โอกาสที่ประเทศไทยจะกลับไปเผชิญกับภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจมีน้อยมาก เพราะหลังจากที่ต้องประสบกับภาวะวิกฤตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาได้ทำให้ประเทศไทยปรับกลไกและสร้างระบบการเงินที่ดีขึ้นจนทำให้พื้นฐานเศรษฐกิจในปัจจุบันแข็งแกร่ง
แต่ก็ยอมรับว่ายังมีปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม คือ สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งหากการเลือกตั้งต้องล่าช้าหรือเลื่อนออกไปหรือเกิดเหตุการณ์รัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติก็อาจจะเกิดความวุ่นวายได้และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างคาดไม่ถึง
"สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของความเชื่อมั่นในที่เข้าสู่ระบบการเมือง ถ้าหากการเลือกตั้งไม่เกิด รัฐธรรมนูญโดนคว่ำก็อาจจะวุ่นวาย เรื่องนี้มันอยู่นอกเหนือการดูแลของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงและเป็นเหตุการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจ" นายอำพน กล่าว
ส่วนกรณีที่ผู้บริหารกลุ่มสหพัฒน์ออกมาคาดการณ์ว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ในปีนี้จะโตไม่เกิน 3% นั้น นายอำพน กล่าวว่า น่าจะเป็นการประเมินจากกลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งเป็นธุรกิจเฉพาะรายสาขามากกว่า ขณะที่ตัวเลข GDP ของสภาพัฒน์ฯ มาจากการประเมินโดยภาพรวมของเศรษฐกิจในปัจจุบัน
โดยยืนยันว่าทั้งปีนี้ GDP จะโตได้ในระดับ 4-4.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น เช่น อัตราแลกเปลี่ยน, ตัวเลขการนำเข้าสินค้าประเภททุนและวัตถุดิบ, อัตราดอกเบี้ย, ราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ทรงตัว และอัตราเงินเฟ้อซึ่งเชื่อว่าทั้งปีนี้จะอยู่ในระดับ 2.0-2.5%
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--