สหรัฐ-อียูลงนามข้อตกลงการแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้โดยสารทางอากาศระหว่างกัน

          สหรัฐและสหภาพยุโรปได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการจำกัดจำนวนข้อมูลผู้โดยสารสายการบินที่มีการจัดส่งให้กับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ก่อนที่ผู้โดยสารเหล่านั้นจะออกเดินทางไปยังยุโรป
          นายไมเคิล เชอร์ทอฟ รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯกล่าวว่า ข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันเป็นเหมือนเครื่องมือตรวจสอบที่สำคัญ เพื่อป้องกันภัยอันตรายที่อานเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวในทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
          ข้อตกลงครั้งนี้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อใช้งานแทนที่ข้อตกลงฉบับเก่าที่กำลังจะหมดอายุลงในสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งข้อตกลงฉบับนั้นได้ให้สิทธิสหรัฐในการเข้าถึงข้อมูลผู้โดยสารขาเข้าทั้ง 34 ส่วน
          ส่วนข้อตกลงฉบับใหม่นี้ได้ลดจำนวนข้อมูลลงเหลือเพียง 19 ส่วน ซึ่งรวมถึงรายชื่อผู้โดยสาร ที่อยู่ หมายเลขที่นั่ง ข้อมูลบัตรเครดิต และรายละเอียดการเดินทางของผู้โดยสารทั้งหมด โดยข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้จะต้องถูกรายงานภายใน 15 นาทีของเที่ยวบินขาออกไปยังสหรัฐ
          ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกเก็บไว้เป็นเวลา 7 ปีในแฟ้มข้อมูลที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน และหลังจากนั้นประมาณ 8 ปีขึ้นไปข้อมูลดังกล่าวจะถูกย้ายไปเก็บไว้ที่แฟ้มข้อมูลเก่า เพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบ และการใช้งานอย่างเฉพาะเจาะจงต่อไป
          นายเชอร์ทอฟกล่าวในแถลงการณ์โดยอ้างว่า วันที่ 11 กันยายน 2544 ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มก่อการร้ายจี้เครื่องบินของสหรัฐว่า เจ้าหน้าที่ในส่วนแนวหน้าของสหรัฐไม่มีข้อมูลตามข้อตกลงดังกล่าว การสืบสวนหลังจากเหตุก่อการร้ายครั้งนั้นได้แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลรายชื่อผู้โดยสาร (PNR) ที่เดินทางในช่วงเวลานั้น จะช่วยให้สหรัฐสามารถระบุตัวผู้ก่อการายที่ได้จี้เครื่องบินทั้ง 19 คนได้ ด้วยการนำข้อมูลดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับวิธีการจ่ายเงิน หมายเลขโทรศัพท์และหมายเลขที่นั่งในเครื่องบินลำดังกล่าว สำนักข่าวเอพีรายงาน