นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ แถลงผลงาน 1 ปีกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้การดำเนินงานร่วมกับนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ และข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ทุกคนว่า มีผลงานทั้งหมด 16 เรื่อง โดยผลงานที่โดดเด่น เช่น การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว, มันสำปะหลัง, ยางพารา, ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด ซึ่งจ่ายเงินส่วนต่างแล้วรวม 71,210 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 7.29 ล้านครอบครัว และในฤดูการผลิตปี 63/64 จะเดินหน้าโครงการประกันรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ได้ทยอยเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติดำเนินการแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้ตั้งคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กรอ.) กระทรวงพาณิชย์ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทำงานร่วมภาคเอกชนในการแก้ปัญหาและผลักดันการส่งออกของไทย, ปรับเปลี่ยนบทบาททูตพาณิชย์เป็นเซลล์แมนประเทศ และพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด เพื่อผลักดันการส่งออก โดยตนได้ทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศ นำภาคเอกชนเดินทางไปขายสินค้าในหลายประเทศ และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการซื้อขายสินค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้ซื้อต่างประเทศ ในหลายสินค้า คิดเป็นมูลค่ารวมกันกว่า 94,800 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ได้มอบนโยบายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจ และจัดกิจกรรมแสดงสินค้าไทย สร้างรายได้เข้าประเทศ 54,192 ล้านบาท, ผลักดันการค้าชายแดน ซึ่งสร้างมูลค่าการค้าชายแดนได้ถึง 1.02 ล้านล้านบาท อีกทั้งยังมีส่วนช่วยผลักดันให้อาเซียนและคู่เจรจา 6 ประเทศ สามารถปิดการเจรจา เพื่อจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ได้หลังจากเจรจามายาวนานถึง 7 ปี
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงนโยบายในส่วนการลดค่าครองชีพให้ประชาชนว่า ได้จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ซึ่งช่วยประชาชน 5 ครั้ง สามารถลดค่าครองชีพได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท, ช่วยยกระดับโชห่วยเป็นสมาร์ทโชห่วยได้กว่า 28,000 แห่ง และยกระดับสมาร์ทโชห่วยขึ้นเป็นสมาร์ทโชห่วยเดลิเวอรี่ ที่ส่งสินค้าถึงบ้านผู้ซื้อได้ 2,155 ร้านค้า, ช่วยเหลือกลุ่มซาเล้ง แก้ปัญหาราคาเศษกระดาษตกต่ำ, ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ในภูมิภาค, กำกับดูแลราคายา ค่าบริการโรงพยาบาลเอกชน, ริเริ่มวิสัยทัศน์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด, ผลักดันโครงการอาหารไทย อาหารโลก, เร่งรัดขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า เป็นต้น
"ผลงานในรอบปีที่ผ่านมา ถือว่าบรรลุเป้าหมายทั้งหมด โดยเฉพาะโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่สามารถจ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรผู้ปลูกพืช 5 ชนิดได้ครบทั้งหมดภายในเวลาเพียง 5 เดือนหลังแถลงนโยบาย ส่วนเรื่องส่งออก ก็ช่วยหาตลาด สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมาก และยังได้สั่งการทูตพาณิชย์ในแต่ละประเทศให้ดูลู่ทางว่าจะมีช่องทางทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศใดเป็นพิเศษหรือไม่ เพื่อผลักดันการส่งออกของไทยให้มากขึ้นด้วย" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ระบุ