นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายดวงอาทิตย์ นิธิอุทัย รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Official Meeting : SEOM) ครั้งที่ 3/51 ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ค.63 ผ่านระบบทางไกล เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานด้านต่างๆ เพื่อเตรียมรายงานความสำเร็จต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ที่กำหนดจัดขึ้นในเดือน ส.ค.นี้
โดยนายดวงอาทิตย์ได้รายงานว่า ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของอาเซียนภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 และมุ่งมั่นที่จะเร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่การผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็ง ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนย้ายสินค้าที่จำเป็น เช่น อาหาร ยา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เป็นต้น เพื่อรับมือกับไวรัสโควิด-19 ตามที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนประกาศไว้ในการประชุมนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา
สำหรับการทำงานของเสาเศรษฐกิจอาเซียนในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 มีความคืบหน้าดังนี้ 1.พร้อมใช้ระบบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าด้วยตนเอง (ASEAN-Wide Self Certification) ในเดือน ก.ย.63 โดยผู้ส่งออกจะสามารถรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีของอาเซียนได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปขอรับใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form D) จากหน่วยงานภาครัฐ 2.พร้อมลงนามข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยานยนต์และชิ้นส่วนของอาเซียน ในช่วงการประชุม AEM ครั้งที่ 52 ในเดือน ส.ค.นี้ 3.ได้ข้อสรุปการเจรจา MRA สินค้าวัสดุก่อสร้าง และเตรียมลงนามในปีนี้เช่นกัน ซึ่ง MRA ทั้งสองฉบับจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกิจของอุตสาหกรรมยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากเมื่อผ่านการตรวจสอบมาตรฐานของหน่วยงานทดสอบมาตรฐานในประเทศอาเซียนที่ส่งออกแล้วไม่ต้องตรวจซ้ำในประเทศอาเซียนที่นำเข้า และ 4.พร้อมใช้ความตกลงพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อาเซียนในปี 2563 เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยทำการค้าระหว่างเกิดโควิด-19
ที่ประชุม SEOM ยังได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนงานด้านเศรษฐกิจที่เวียดนามในฐานะประธานอาเซียนเสนอไว้ ภายใต้แนวคิด"อาเซียนที่เป็นหนึ่งเดียวและพร้อมปรับตัว" (Cohesive and Responsive ASEAN) รวม 13 ประเด็น เช่น การจัดทำแผนงานด้านการต่อต้านการทำประมงที่ผิดกฎหมายและไร้การควบคุม (IUU) การลงนามความตกลง RCEP ในปีนี้หลังจากปิดการเจรจาได้ที่ไทยเมื่อปีที่ผ่านมา การพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะ การเชื่อมโยงการชำระเงินซึ่งจะทำให้การโอนเงินระหว่างกันง่ายขึ้น และการทำแผนงานความมั่นคงทางอาหารระหว่างกัน เป็นต้น รวมทั้งได้ติดตามการทำงานตามพิมพ์เขียวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) เช่น การทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA) เพื่อให้รองรับรูปแบบการค้าปัจจุบันและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน เป็นต้น
ทั้งนี้ การค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในปี 2562 มีมูลค่าการค้ารวม 107,674 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียน 62,841 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าของไทยจากอาเซียน 44,833 ล้านเหรียญสหรัฐ และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.- มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 47,749 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอาเซียน 28,498 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอาเซียน 19,251 ล้านเหรียญสหรัฐ คู่ค้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์