นายโชติชัย สุวรรณภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)มีมติเห็นชอบการแก้ไขร่างสัญญาเงื่อนไขที่จะนำโรงกลั่นเอสโซ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) โดยกำหนดให้โรงกลั่นเอสโซ่จะต้องนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเป็น 25% จากของเดิมที่กำหนดไว้ 20%
ทั้งนี้ คาดว่าเอสโซ่จะเพิ่มทุนในเดือน ก.ย.50, ชำระหนี้ในเดือน ต.ค.50 และลดทุนในเดือน พ.ย.50 หลังจากนั้นจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในเดือน ธ.ค.50 และกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปในเดือน เม.ย.51
สำหรับประเด็นที่มีการแก้ไขร่างสัญญาดังกล่าว ได้แก่ เอสโซ่สามารถลดสัดส่วนการถือหุ้นต่ำกว่า 50%, ประชาชนสามารถเข้าไปถือหุ้นได้ไม่ต่ำกว่า 25%
ก่อนหน้านี้นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะคณะกรรมการเร่งรัดการผลักดันโรงกลั่นเอสโซ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่ากระบวนการจัดทำแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของโรงกลั่นเอสโซ่จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่วนระยะเวลาในการนำหุ้นเข้าเทรดอยู่ระหว่างพิจารณาถึงความเหมาะสมซึ่งอาจจะเป็นช่วงเดือน มี.ค.51
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุม กพช.เห็นชอบแผนดังกล่าวเพื่อสนับสนุนให้บริษัทสามารถกระจายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามนโยบายของรัฐบาล
ขณะนี้อุปสรรคสำคัญในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นของโรงกลั่นเอสโซ่ คือ ภาระขาดทุนสะสมที่สูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้โรงกลั่นสามารถระดมทุนราว 2.1 หมื่นล้านบาท
ส่วนเงื่อนไขการเข้าจดทะเบียนจะกระจายหุ้นให้ประชาชนราว 20% ส่วนกระทรวงการคลังจะถือหุ้น 40% และเอกซอนโมบิลถือหุ้น 70% ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจะมียืดหยุ่น โดยแก้ไขให้เอกซอนฯ ลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 50% โดยเสนอขายหุ้นส่วนเกินให้กับธุรกิจที่โรงกลั่นจำหน่ายน้ำมันให้เป็นอันดับแรก ขณะที่กระทรวงการคลังคาดว่าจะใช้เงินเพิ่มทุนโรงกลั่นเอสโซ่ราว 2.6 พันล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--