นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า จะปรับเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ใหม่ให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณ 1.49 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่กำหนดไว้ 12.5% ที่มูลค่า 1.45 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากการส่งออกในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 18.6% มูลค่า 71,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประกอบกับการส่งออกขยายตัวทุกกลุ่มสินค้า
ทั้งนี้ หากไทยสามารถรักษาสถานการณ์ส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังแต่ละเดือนได้เฉลี่ย 12% ก็จะส่งออกได้ตามเป้าหมายใหม่อย่างแน่นอน
"ขณะนี้การส่งออกในตลาดใหม่ก็ขยายตัวได้ดีมีสัดส่วนกว่า 40% ทำให้ไทยสามารถลดพึ่งพาการส่งออกในตลาดหลักลงได้อีก ขณะเดียวกันความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระหว่างไทย-ญี่ปุ่น(JTEPA) จะมีผลบังคับใช้เดือนพฤศจิกาฯนี้ ไทยน่าจะขยายการส่งออกในตลาดนี้ได้เพิ่มขึ้น"นายเกริกไกร กล่าว
สำหรับตลาดที่น่าห่วงมีเพียงสหรัฐฯ เท่านั้น ซึ่งเป็นตลาดหลักของไทยที่มีการส่งออกขยายตัวลดลง เนื่องจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ชะลอตัว และเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ทำให้สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทยลดลง ส่วนปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยนั้นมีปัญหามานาน 10-20 ปีแล้ว แต่สินค้าไทยก็ยังแข่งขันได้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก
"กรณีที่เอ็กซ์ซิมแบงก์ให้ข่าวว่าการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตานั้น ผมเห็นว่าควรไปถามเอ็กซ์ซิมแบงก์เองว่าใช้ตัวเลขอะไรมาคำนวณ เพราะเขาก็เป็นคนบอกเองว่าการส่งออกยังขยายตัวได้ดีอยู่" นายเกริกไกร กล่าว
นายเกริกไกร กล่าวถึงกรณีผู้ประกอบการของไทยปิดกิจการ เช่น โรงงานสิ่งทอไทยศิลป์ โรงงานรองเท้ายูเนียนฟุทแวร์ ว่า มีผลกระทบต่อภาพรวมการส่งออกเล็กน้อยเท่านั้น เพราะคำสั่งซื้อที่เคยซื้อจากโรงงานเหล่านั้นก็จะย้ายไปอีกโรงงานอื่นแทน แต่ผู้ซื้อยังมีความจำเป็นต้องสั่งซื้อสินค้าจากไทยเพื่อกระจายความเสี่ยง
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--