นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการสัมมนารับฟังความเห็นเรื่อง "แนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ" เมื่อวันที่ 30 ก.ค.63 ว่า ผู้เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่สนับสนุนและเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) เนื่องจากปัจจุบันโครงการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอ ทั้งของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังมีข้อจำกัด เช่น ในกรณีกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้อยู่ในรูปของกองทุน ขึ้นอยู่กับการได้รับงบประมาณรายปี ซึ่งบางปีอาจไม่ได้รับจัดสรร หรือได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอ อีกทั้งมีขั้นตอนการอนุมัติที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน รวมถึงการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ยังไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงกองทุน เป็นต้น
ดังนั้นจึงควรปรับปรุงและพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบกองทุนเอฟทีเอที่มีความถาวร และมีกฎหมายรองรับ เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบ อาทิ เกษตรกร SME ผู้ประกอบการสินค้าเกษตร อุตสาหกรรม และภาคบริการ สามารถขอใช้กองทุนได้
ทั้งนี้ ในวงเสวนามีข้อแนะนำที่น่าสนใจ อาทิ ควรให้ความสำคัญกับเป้าหมายและการประเมินผลการใช้กองทุน เพื่อให้สามารถช่วยเหลือเยียวยาและพัฒนาศักยภาพผู้รับให้สามารถแข่งขันได้จริง ควรให้ผู้ที่ได้ประโยชน์จากเอฟทีเอร่วมสมทบรายได้เข้ากองทุนด้วย ควรสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ที่ต้องการใช้เงินกองทุนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ภาครัฐควรทำงานเชิงรุก และควรมีองค์กรที่สามารถเชื่อมระหว่างหน่วยงานจัดสรรกองทุนกับผู้ขอใช้กองทุน
นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ ถือเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมให้ความเห็น โดยเชิญผู้แทนจากภาครัฐ คณะกรรมาธิการจากรัฐสภา ตัวแทนเกษตรกร ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ร่วมขึ้นเวทีเสวนา อาทิ ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์, กรมบัญชีกลาง, สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร, กรมการค้าต่างประเทศ, สภาเกษตรกรแห่งชาติ, FTA Watch, คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน, สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย, สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสถาบัน Mekong Institute
ทั้งนี้ กรมฯ ยังเตรียมจัดรับฟังความเห็นในรูปแบบกลุ่มย่อยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลเสนอให้คณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งแต่งตั้งโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานต่อไป
"ที่ผ่านมา การจัดทำเอฟทีเอมีทั้งผู้ที่มีศักยภาพแข่งขันได้ สามารถขยายการค้าและส่งออกไปต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกันยังมีผู้ไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ที่ต้องการความช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ ประกอบกับปัจจุบันกลไกช่วยเหลือของไทยยังมีข้อจำกัด และยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ SME ได้ จึงเป็นที่มาของการหาแนวทางจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ" นางอรมน กล่าว