นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 2,031 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นมาในระดับนี้ถือว่าเป็นการปรับขึ้นมาสูงมาก แต่ทิศทางราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยสนันสนุน โดยเฉพาะโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ล่าสุดพบว่าส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2/63 หดตัวถึง 32%
นอกจากนี้ปัจจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน ก็ยังคงมีความขัดแย้งกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเกิดความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากสภาพคล่องที่เกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุน ธนาคารกลางหลายประเทศสะสมทองคำมากขึ้น รวมถึงกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่ยังคงเข้าซื้อทองคำเป็นปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม YLG แนะนำนักลงทุนควรกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ให้หลากหลายเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง โดยมองว่าควรมีสัดส่วนการลงทุนทองคำในพอร์ตลงทุนที่ 5-15% โดยคนที่เริ่มลงทุนควรมีสัดส่วนลงทุนอยู่ที่ 5% และค่อยปรับขึ้น เป็น 10% และ 15% โดยสัดส่วนไม่ควรเกินระดับนี้ เนื่องจากปัจจุบันราคาก็ถือว่าปรับขึ้นมาสูงแล้ว แม้ว่าโอกาสราคายังสามารถปรับขึ้นได้อีก แต่การลงทุนควรมีวินัยและกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ที่หลากหลาย และถือทองคำไว้ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ส่วนเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้จะปรับขึ้นไปเท่าใดนั้น ปัจจุบันถือว่าคาดการณ์ได้ยากเพราะราคาปรับขึ้นมามากแล้ว ในขณะเดียวกันผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากวิกฤติก็อยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น แต่หากมีวัคซีนผลิตออกมาใช้ได้จริงก็อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับลดลงได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็ต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ดังนั้น ทองคำจึงยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น ซึ่งล่าสุดโกลแมน แซคส์คาดการณ์ว่าภายใน 12 เดือน ราคาทองคำจะปรับไปที่ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งก็มีโอกาสเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม YLG มองเป้าหมายถัดไปที่ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็นเงินบาทไทยประมาณ 31,000 บาท
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้น แนะนำให้แบ่งพอร์ตเข้าซื้อหากราคาปรับลดลงมาที่ระดับ 2,000 -1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วแนวต้านระยะสั้นจะอยู่ที่ 2,031-2,043 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมตัดขาดทุนหากราคาทองคำหลุด 1,988 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรลงทุนในปริมาณที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ พร้อมกับตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้งเพื่อจำกัดความเสี่ยง