นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เชื่อว่า ผลกระทบของปัญหาซับไพร์มที่มีต่อตลาดหุ้นไทยและอัตราแลกเปลี่ยนน่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้นและควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไลตลาดเพราะเป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม โดยธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ควรจะอาศัยจังหวะการอ่อนค่าของเงินบาทเข้าไปดูแลให้การปรับตัวเป็นไปอย่างเหมาะสม
"สถานการณ์ตอนนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะที่ผ่านมาบาทแข็งเร็วกว่าปกติ พอมาถึงตอนนี้ที่บาทอ่อนลง ก็น่าจะเป็นโอกาสที่แบงก์ชาติจะดูแลให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่พึงจะเป็น" นางพรรณี กล่าว
แต่ทั้งนี้เห็นว่ายังจำเป็นต้องเข้าไปดูเรื่องความผันผวนของทั้งอัตราแลกเปลี่ยนและภาวะตลาดหุ้นไทย โดยระยะสั้นควรเข้าไปดูแลอัตราแลกเปลี่ยนให้สอดคล้องและเป็นทิศทางเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนระยะกลางควรส่งเสริมให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยที่ติดลบและเงินบาทอ่อนค่าลงรวดเร็ว เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มในสหรัฐและยุโรปที่ทำให้นักลงทุนต่างชาติถอนเงินลงทุนกลับประเทศเพื่อปรับสถานะนั้นจะไม่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวม
เพราะช่วงที่ผ่านมาการลงทุนของนักลงทุนแถบสหรัฐและยุโรปที่เข้ามาในไทยยังถือว่าน้อยกว่าที่เข้าไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นผลจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองของไทยเอง ดังนั้น เมื่อถึงจังหวะที่เงินต้องไหลออกจึงไม่ส่งผลกระทบมากนัก ประกอบกับไทยยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัดค่อนข้างมาก
นางพรรณี กล่าวด้วยว่า วันที่ 23 ส.ค.กระทรวงการคลังจะแถลงประมาณการเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังและทั้งปี 50 โดยขณะนี้ทั้งการบริโภคและการลงทุนในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นแล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--