พาณิชย์หวั่นเพิ่มนิยามคนต่างด้าวป่วนธุรกิจ-วัดยากอำนาจชี้นำนิติบุคคล

          นายสกล หาญสุทธิวารินทร์ เลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในส่วนของคำนิยามคนต่างด้าวให้เข้ม งวดมากขึ้นในการควบคุมอำนาจในการบริหารจัดการกรรมการบริษัท นอกเหนือจากการพิจารณาสัดส่วนการถือหุ้นและเกณฑ์การใช้สิทธิออกเสียงนั้น มองว่ามีความน่าเป็นห่วง
          เนื่องจากในประเด็นว่ากรณีการจะชี้นำนิติบุคคลหรือไม่นั้น จะใช้ตัวชี้วัดและจะเขียนไว้ในกฎหมายอย่างไร หรือจะออกเป็นกฎกระทรวงในภายหลัง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากเพราะไม่สามารถวัดได้ว่าการชี้นำนิติบุคคลมีขอบข่ายแค่ไหน 
          "หากมีบริษัทใดบริษัทหนึ่ง มีต่างชาติเป็นผู้บริหาร แล้วคนต่างชาติคนนี้สามารถบอกว่าต้องทำอย่างนั้น อย่างนี้ จะถือเป็นการชี้นำหรือไม่ ซึ่งจะเกิดปัญหาตามมามากมายแน่นอน" นายสกล กล่าว
          อย่างไรก็ตาม เมื่อแก้ไขนิยามให้มีความเข้มงวดมากขึ้นแล้ว ควรผ่อนปรนในด้านอื่นๆ เช่น การนิรโทษกรรมตามบทเฉพาะกาลที่จะต้องเข้มงวดน้อยกว่าเดิม โดยร่างเดิมกำหนดให้คนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจในบัญชี 1 และ 2 ต้องมาแจ้งภายใน 1 ปี และปรับตัวให้ถูกต้องภายใน 3 ปี ก็อาจขยายระยะเวลาปรับตัวให้นานขึ้นกว่า 3 ปี ส่วนบัญชี 3 ขอให้มาแจ้งและทำธุรกิจต่อไปได้ และในส่วนของบัญชีแนบท้าย ก็ต้องมาพิจารณาดูว่าจะปรับอย่างไร หรือจะมีวิธีการอะไรที่ทำให้คนต่างด้าวขออนุญาตประกอบธุรกิจได้เร็วขึ้น 
          นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า อำนาจการชี้นำเป็นนามธรรม ในทางปฏิบัติทำได้ยากและจะเอาหลักการใดมาวัด ซึ่งจะแก้ไขอย่างไรเป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการวิสามัญ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)  ซึ่งยังระบุไม่ได้ว่าคณะกรรมาธิการจะประชุมเมื่อไหร่
          ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญนัดแรก หลังจากที่ถอดร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวมาพิจารณาใหม่ อาจต้องประชุมปลายเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ เพราะนายเกริกไกรจะเดินทางไปจีน เพื่อเปิดตลาดสินค้าฮาลาลวันที่ 13-16 ส.ค.นี้ จากนั้นจะเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีเอ็ม) ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ช่วงปลายเดือนส.ค. ทำให้มีแนวโน้มว่า การแก้ไขพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวไม่น่าจะเสร็จทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน
          อย่างไรก็ตาม สถานทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยบางแห่ง เตรียมทำหนังสือถึงรัฐบาลไทย เพื่อขอคำชี้แจงกรณีที่มีการเพิ่มสิทธิ์ควบคุมกิจการลงในคำนิยามต่างด้าวใหม่ เพราะรายละเอียดไม่ชัดเจน และเห็นว่าจะเกิดผลกระทบทางลบต่อไทย เพราะมองว่าไทยกำลังปกป้องตัวเองมากเกินไป และจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ทางออกจึงควรหยุดแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ และให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเข้ามาจัดการต่อไป