สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ร่วมกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย (JFCCT) จัดเสวนาออนไลน์ (Webinar) ในหัวข้อ "Support Measures for Economic Recovery" เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือนักธุรกิจต่างชาติในไทย รวมทั้งมาตรการของบีโอไอและมาตรการสนับสนุนด้านการเงินและการคลังของกระทรวงการคลัง และภาคการธนาคารในการรองรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ในการเสวนาครั้งนี้ บีโอไอได้แนะนำให้นักลงทุนมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของธุรกิจ โดยอาศัยการใช้เทคโนโลยีออโตเมชั่นควบคู่ไปกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในปี 2564 หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 ในปีนี้
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ในขณะนี้ทางคณะกรรมการฯ ไม่เพียงแค่มุ่งเน้นไปที่การดึงดูดโครงการลงทุนใหม่ ๆ แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ บีโอไอมองว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องเร่งผลักดันการเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพของธุรกิจ อันจะช่วยให้ไทยเดินหน้าต่อไปได้
บีโอไอระบุว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องรับนำเอาเทคโนโลยีอัตโนมัติและหุ่นยนต์เข้ามาใช้มากขึ้น ซึ่งทางคณะกรรมการฯได้แนะนำให้ภาคธุรกิจลงทุนในระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มผลิตภาพและลดต้นทุนการผลิตลง โดยบีโอไอได้มอบสิทธิประโยชน์ภาษีให้กับบริษัทที่อยากลงทุนในเครื่องจักรใหม่ ๆ เพื่อแทนที่เครื่องจักรเดิม หรือเพื่อลดปริมาณการใช้พลังงานลง ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมไปตามลำดับ
นอกจากนี้ BOI ยังสนับสนุนให้มีการฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพัฒนาทรัพยากรบุคคล ซึ่งหากบริษัทใดดำเนินมาตรการนี้ ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
ทั้งนี้ ในปี 2563 กระทรวงการคลังคาดว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จะหดตัวลง 8.1% แต่ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การฟื้นตัวในปีหน้า หรือปรับตัวขึ้นราว 4-5%