นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ระบุว่า กรมการขนส่งทางบก ไม่ได้มีนโยบายเรียกคืนใบขับขี่ตลอดชีพ แต่มีนโยบายเรื่องการเปลี่ยนใบขับขี่แบบกระดาษเป็นใบขับขี่แบบดิจิทัล ส่วนเรื่องการตรวจสอบสมรรถภาพในการขับขี่นั้น จะอยู่ในเรื่องการตัดคะแนน ซึ่งถือเป็นหลักสากลที่พิสูจน์ว่าสามารถขับขี่ได้ถูกต้องหรือไม่ หรือเป็นอันตรายหรือไม่ ส่วนเรื่องอายุผู้ถือใบขับขี่นั้นยืนยันว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะการเกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้จำกัดเรื่องเพศ อายุ ดังนั้นเชื่อว่าการตัดคะแนนจึงเหมาะสมกว่า
ทั้งนี้ หากพิจารณาจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุนั้น เรื่องอายุผู้ถือใบขับขี่ไม่ได้เป็นนัยสำคัญที่ชี้ว่าผู้สูงอายุจะขับขี่ไม่ปลอดภัย เพราะข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานสถิติการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า 70% เกิดจากความพร้อมของคน เช่น ดื่มสุรา หรือ อ่อนเพลีย ไม่พร้อมในการขับรถ อีก 17% เป็นความพร้อมของยานพาหนะ และอีก 13 % เป็นเรื่องการตัดหน้ากระชั้นชิด ซึ่งกรมขนส่งฯ จะนำมาตรฐานของประเทศต่างๆ มาใช้ในการออกใบขับขี่ โดยมีหลักเกณฑ์ตั้งแต่เริ่มต้นว่าผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องผ่านเกฑณ์อะไรบ้าง เช่น ทดสอบข้อเขียน ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ทดสอบภาคสนาม
ซึ่งเมื่อได้ใบขับขี่ไปแล้ว จะถูกควบคุมด้วยมาตรการ โดยยึดตามระเบียบกฎหมาย หากทำผิดก็จะถูกตัดคะแนน และหากถูกตัดคะแนนครบที่กำหนด จะต้องถูกพักใช้ใบอนุญาต 1 ปี และจะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบใหม่เพื่อรับใบขับขี่ใหม่ และหากถูกพักใช้ใบขับขี่ 2 ครั้ง จะหมดสิทธิในการได้รับใบขับขี่
"เรื่องนี้ ขอชี้แจงประชาสัมพันธ์ให้ตรงกันว่า เป็นเรื่องที่ต้องการให้ผู้ถือใบขับขี่รุ่นเก่าแบบกระดาษ มาเปลี่ยนเป็นใบขับขี่แบบดิจิทัลมากกว่า ไม่มีประเด็นที่ต้องมาสอบใหม่แต่อย่างใด" รมว.คมนาคมระบุ
โดยวันนี้ รมว.คมนาคม ได้เป็นประธานเปิดงานวันคล้ายวันสถาปนากรมการขนส่งทางบก ครบรอบ 79 ปี พร้อมกับเปิดโครงการระบบตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) และ "DLT Vehicle Tax" แอปพลิเคชันชำระภาษีรถผ่านมือถือ "เปิดประสบการณ์ใหม่ในการเสียภาษีรถ แบบ New Normal : New Experience for DLT Vehicle Tax" ซึ่งกรมขนส่งฯ ได้พยายามนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี สมัยใหม่มาให้บริการประชาชนให้ได้รับความสะดวก และภายในสิ้นปี 2563 กรมขนส่งฯ จะเชื่อมข้อมูลกับ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) เพื่อให้สามารถต่อใบอนุญาตให้รถทุกคัน ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นที่จะมีการต่อเชื่อมระบบกัน เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะเชื่อมข้อมูลในเรื่องการออกใบสั่งกรณีทำผิดกฎจราจร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กรมทางหลวง เชื่อมต่อเรื่องการเก็บค่าผ่านทางด่วนและมอเตอร์เวย์ ซึ่งจะเน้นในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้สะดวก รวดเร็ว และไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล หากปฏิบัติตามระเบียบ กฎจราจร
สำหรับการแก้ปัญหาแกร็บผิดกฎหมาย เป็นนโยบายการบริหารจัดการรถรับจ้างสาธารณะ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสมัยใหม่ เป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งอยู่ระหว่างขับเคลื่อน ซึ่งภายในปีนี้จะต้องเห็นเป็นรูปธรรม
ส่วนนโยบายความเร็วไม่เกิน 120 กม./ชม.นั้น ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) แล้ว และจะมีการทดลองนำร่องในถนนสายเอเชีย ทางหลวงหมายเลข 32 ระยะทาง 50 กม. และขยายต่อไป ซึ่งเรื่องความเร็วรถ 120 กม./ชม. ได้คำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยอย่างมาก ซึ่งจะสอดคล้องกับโครงการยางพาราหุ้มแบริเออร์ (Rubber Fender Barrier : RFB) ที่สามารถช่วยเกษตรกรชาวสวนยางได้อีกด้วย โดยจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคิกออฟ ในวันที่ 25 ส.ค.ที่บริเวณเขาคิชฌกูฏ ซึ่งจะมีการประชุม ครม.สัญจร ที่จ.ระยอง
ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า โครงการระบบตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) นั้น ได้เริ่มทำต้นแบบ 10 ตู้ นำไปตั้งไว้ที่สำนักงานเขตกรุงเทพฯ พื้นที่ 1-5 ที่กระทรวงคมนาคม ศูนย์บริการร่วมคมนาคม เชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน และที่ศูนย์ราชการ ซึ่งเมื่อใส่เลขบัตรประชาชนเจ้าของรถ และทะเบียนรถ สามารถชำระภาษีโดยตัดผ่านบัญชีได้ทุกธนาคาร จากนั้นให้ใส่เลขที่กรมธรรม์ ซึ่งต่อไปจะมีการปรับให้ใส่เลขทะเบียนรถ และวันหมดอายุกรมธรรม์แทนได้ เพื่อความสะดวก และจะพริ้นท์เครื่องหมายการเสียภาษีออกจากตู้ได้
ส่วนการชำระภาษีรถผ่านมือถือ โดยโหลดแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax สามารถใส่เลขบัตรประชาชนเจ้าของรถ และเลขทะเบียนรถ ระบบจะคำนวณอัตราภาษี สามารถชำระภาษีผ่านมือถือได้และตามด้วยการใส่เลขกรมธรรม์ต่อไป โดยมีสิทธิ์เลือกที่จะพริ้นท์เครื่องหมายการเสียภาษีออกจากตู้ได้ หรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ไปที่บ้านไม่เกิน 3 วัน โดยมีค่าจัดส่ง 32 บาท
ทั้งนี้ จะเริ่มเปิดให้บริการในวันที่ 20 ส.ค.63 โดยกำหนดต้องเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง), รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถตู้), รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถกระบะ) ที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ที่ไม่มีภาษีค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 1 ปี ไม่ถูกอายัดทะเบียน และไม่ใช่รถที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซ
อย่างไรก็ดี ภายในสิ้นปี 2563 จะเชื่อมโยงระบบ ตรอ. 2,500 แห่งทั่วประเทศ และจะขยายการชำระภาษีผ่านตู้ Kiosk และแอปพลิเคชั่น DLT Vehicle Tax ได้ โดยเมื่อตรวจสภาพรถผ่านแล้ว ตรอ.จะส่งข้อมูลเชื่อมเข้าระบบ สามารถใช้ในการชำระภาษีได้ผ่าน Kiosk และแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax