บล.ภัทร(PHATRA) ยังคงประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.7% ซึ่งคงจะไม่มีการทบทวน เพราะมองปัจจัยการเมืองยังเป็นเความเสี่ยงแม้ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านความเห็นชอบ แต่ยังต้องรอดูภาพของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ
ขณะที่มองเศรษฐกิจโลกปีนี้จะเติบโตประมาณ 5% ส่วนปีหน้าอาจลดลงเล็กน้อยมาที่ 4.8% โดย 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจจะมาจากเอเชีย แม้ว่าขณะนี้สหรัฐฯจะยังคงมีปัญหาซับไพร์มแต่จะกระทบเอเชียไม่มาก เนื่องจากว่า เศรษฐกิจเอเชียมีแรงขับเคลื่อนตัวเอง มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด มีภาวะหนี้น้อย
แต่สิ่งที่ระมัดระวังคือการบริโภคลดลงของสหรัฐ และต้นทุนทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสหรัฐฯมีความจำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ย แต่ในเอเชียกลับต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น จีน เป็นต้น รวมถึงยุโรป ดังนั้นจะเกิดความตึงตัวของสภาพคล่องในปีหน้า รวมทั้งราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อาทิ เหล็ก และน้ำมันดิบ ราคาจะปรับลดลง จากความต้องการของสหรัฐฯลดน้อยลง ขณะที่การส่งออกของไทยอาจได้รับผลกระทบจากกตลาดสหรัฐฯชะลอตัว
"ผมมองว่าการส่งออกของไทยถึงจุดสูงสุดแล้วต่อไปจะชะลอตัวลงเยอะ เนื่องจากว่าสหรัฐฯ ถ้าเขามีปัญหาในเรื่องปัญหาหนี้ เขาจะไม่สามารถขาดดุลบัญชีเดินสะพัดได้มาก ซึ่งก็เกิดจากปัญหาซับไพร์ม หรือคถุณภาพหลักทรัพย์ไม่ดี ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงก็จะส่งผลให้นำเข้าลดลง" นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บล.ภัทร กล่าว
นอกจากนี้ บล.ภัทร มองทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของไทย คาดว่าคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เคยบอกว่าอัตราปัจจุบันเป็นอัตราที่เหมาะสม
"ไม่ว่าเฟด(ธนาคารกลางสหรัฐ)จะลงหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องกับไทย เพราะแบงก์ชาติมีนโยบายไม่ผูกติดกับใคร หากลงมาที่ภาคอสังหาฯ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะในระยะยาวความต้องการอสังหาฯยังมี ประกอบกับราคาที่ดินและอสังหาฯ ยังถูกเมื่อเทียบภูมิภาค" นายศุภวุฒิกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--