ผู้ประกอบการอสังหาฯมองปัจจัยเสี่ยงภายนอกสำคัญกว่าปัจจัยภายใน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 27, 2007 18:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายมานพ  พงศทัต ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ. รสา พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (RASA) กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยมีปัญหาเรื่องของมูลค่าสินทรัพย์(value asset)ต่ำกว่าราคาประเมิน แต่สิ่งที่กลัวคือปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก เพราะไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ราคาน้ำมัน  อัตราแลกเปลี่ยน และแต่ปัญหาซับไพร์มที่เกิดในสหรัฐ ส่งผลกระทบในไทยก็มีเช่นกันแต่ไม่มาก 
"ปัญหาภายในแก้ไขได้แต่ปัญหาภายนอกแก้ไขไม่ได้ พวกโครงการที่ปล่อยบกู้ดอกเบี้ย 0% ไม่มีเงินดาวน์ และให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ แต่แนวโน้มราคาน้ำม้นสูงขึ้นในอนาคตอาจจะเป็นปัญหา" นายมานพ กล่าวในงานสัมนา" สถานการณ์โลก:ผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย"
ส่วนปัญหาการเมืองที่มีผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นแค่ปัจจัยระยะสั้น เนื่องจากความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังมีอยู่โดยตลอด ขณะที่ปัจจัยด้านตลาดหุ้นให้ติดตามสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เห็นจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
หากมองในอนาคตของไทยที่จะเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือเรื่อง globalization , internationaliztion และการที่คนย้ายเข้ามาในเมืองมากขึ้น เชื่อว่าใน 15 ปีข้างหน้าผู้คนจะย้ายจากชนบทมาอยู่ในเมืองโดยสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่ง โดยเฉพาะจีน อินเดีย ไทย และเวียดนาม
อย่างในประเทศไทยปัจจุับันมีคนย้ายเข้าเมือง 35% แต่ใน 15 ปี เพิ่มเป็น 50% ก็เท่ากับมีคนอยู่ในเมือง 10 ล้านคน โดย 5 ล้านคนจะเข้ามาในกรุงเทพและปริมณฑล และส่วนที่เหลือหัวเมืองใหญ่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะมีคนชนชั้นกลางมากขึ้น และแนวโน้มคนอยากซื้อบ้านก่อนซื้อรถยนต์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ