ปลัดคมนาคม คาดทดสอบใช้งานตั๋วร่วมระบบรถไฟฟ้าได้ใน พ.ย.63

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 14, 2020 18:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ได้รับทราบความคืบหน้าและติดตามการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ที่จะมีการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ (Interoperable Ticketing System) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการจัดทำคำสั่งเปลี่ยนแปลงงาน คาดว่าจะสามารถลงนามได้ในเดือนส.ค.63 และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม. พิจารณาให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานได้ภายในเดือนก.ย.63 ซึ่งการพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) ของระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนให้สามารถใช้บัตรโดยสารข้ามระบบจะใช้เวลาดำเนินการ 8 เดือน

สำหรับรถไฟฟ้า BTS ได้มีการลงนามในสัญญาว่าจ้างพัฒนาระบบฯ แล้วเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.63 คาดว่าจะพัฒนาระบบฯ แล้วเสร็จภายในเดือนต.ค.63 และทดสอบระบบได้ภายในเดือนพ.ย.63 ส่วนการทดสอบระบบเพื่อใช้ระหว่างกันแบบข้ามระบบจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน

ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อมูลเพื่อศึกษาวิเคราะห์อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บัตรโดยสารข้ามระบบที่เหมาะสม คาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมได้ภายในเดือนก.ย.63

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับระบบตั๋วร่วมว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์นั้น บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ได้ว่าจ้างบริษัทฯ เข้ามาพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ (AFC) รองรับโครงการตั๋วร่วม ซึ่งปรากฎว่า ผู้รับจ้างยังไม่สามารถส่งมอบแผนงานและส่งมอบงานจ้างพัฒนาระบบฯ ได้ตามสัญญา และยังไม่มีความคืบหน้าใด ๆ โดยผู้รับจ้างอ้างว่าประสบปัญหาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งที่ประชุมได้มีมติให้ รฟฟท. เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และให้ดำเนินการต่าง ๆ โดยยึดสัญญาเป็นหลัก

สำหรับกรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการพัฒนาท่าเรือที่อยู่ในความรับผิดชอบจำนวน 17 ท่า ปัจจุบันมีท่าเรือที่ปรับปรุงแล้วเสร็จ 8 ท่า พร้อมรองรับการดำเนินการพัฒนาระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการรายใดมีความพร้อมดำเนินการ จท. พร้อมจะสนับสนุน

"ได้กำชับให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งรัดดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยยึดถือข้อกฎหมายเป็นสำคัญ" นายชัยวัฒน์ระบุ

ส่วนความคืบหน้าการจัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการตั๋วร่วม พ.ศ. .... ล่าสุด สนข.ได้ไปร่วมชี้แจงรายละเอียดต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการปรับร่างระเบียบฯ และจะส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ