กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) คาดว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.95-31.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.11 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ปริมาณธุรกรรมค่อนข้างเบาบางตลอดทั้งสัปดาห์ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 4.0 พันล้านบาท และ 1.6 พันล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับปัจจัยในประเทศ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ รายงานว่าศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/63 หดตัว 12.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นอัตราติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 22 ปี และหดตัว 9.7% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวถือว่าลดลงน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยหดตัว 6.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ สภาพัฒน์คาดว่าเศรษฐกิจไทยทั้งปี 63 จะหดตัว -7.3 ถึง -7.8% โดยประเมินว่ายอดส่งออกจะลดลง 10% ขณะที่เรามองว่าแรงส่งของการฟื้นตัวยังคงมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงขึ้นอาจจำกัดความต้องการลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินบาทในระยะถัดไป
นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามท่าทีของสหรัฐฯ และจีน เพื่อประเมินทิศทางความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้า หลังการเลื่อนการเจรจาเพื่อทบทวนข้อตกลงการค้าเฟสแรกจากกำหนดเดิมวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาและยังไม่ได้กำหนดวันใหม่ รวมทั้งติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สำหรับวันที่ 28-29 ก.ค. และประเด็นทางการเมืองในสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีทรัมป์พยายามคัดค้านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางไปรษณีย์ อีกทั้งการเจรจา Brexit ในสัปดาห์นี้จะอยู่ในความสนใจของตลาดเช่นกัน
อนึ่ง ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอาจมีแนวโน้มซึมลงต่อไปท่ามกลางการซื้อขายที่เงียบเหงาในช่วงฤดูร้อนของซีกโลกตะวันตก ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อาจย่ำฐานในกรอบเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ หลังเจ้าหน้าที่เฟดประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง รวมทั้งทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นทางการคลังชุดใหม่ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง