นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันพุธที่ 5 สิงหาคม 2563 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 24 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าวฯ โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่
1.ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับรัฐหรือเอกชน จำนวน 9 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส มีเงินลงทุนจำนวน 94 ล้านบาท อาทิ บริการทางวิศวกรรมในการเป็นที่ปรึกษาเพื่อควบคุมการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อมสนามบินดอนเมือง,สุวรรณภูมิ,อู่ตะเภา (EEC) บริการออกแบบ ติดตั้ง วางระบบ ทดสอบ รวมทั้งให้คำแนะนำทางเทคนิค บำรุงรักษา และซ่อมแซมระบบแพร่ภาพและกระจายเสียงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การค้าส่งและบริการทดสอบการใช้งานของเครื่องกำเนิดไอน้ำและอุปกรณ์ เป็นต้น
2.ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 4 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 369 ล้านบาท อาทิ บริการวิจัยและพัฒนาสินค้าประเภทวาล์วและชิ้นส่วน บริการสนับสนุนบุคลากรไปให้คำปรึกษาแนะนำในด้านการผลิตและการทำการตลาดเกี่ยวกับเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ บริการทางบัญชี/กฎหมาย/ให้ใช้พื้นที่บนแอปพลิเคชั่นเพื่อการโฆษณา/บริการให้ใช้แอปพลิเคชั่น/ให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการด้านต่างๆ/บริการด้านการตลาดและส่งเสริมการขาย/บริการศูนย์ข้อมูลลูกค้า/บริการวิจัยและพัฒนา Application software เป็นต้น
3.ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง จำนวน 4 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น จีน นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 96 ล้านบาท อาทิ นายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย ประเภทการจัดการให้มีการประกันภัยโดยตรง และบริการที่เกี่ยวเนื่องกับการประกอบกิจการนายหน้าประกันวินาศภัย การค้าปลีกเครื่องมือแพทย์ การค้าส่งค้าส่งชุดครัวและเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น
4.ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 7 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง นิวซีแลนด์ อังกฤษ และอินเดีย มีเงินลงทุนจำนวน 312 ล้านบาท อาทิ บริการให้เช่า/ติดตั้ง บำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้คำแนะนำการใช้งานถังบรรจุก๊าซสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม พร้อมท่อส่งก๊าซ บริการให้ใช้ช่วงสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software) บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการทดสอบและวิเคราะห์การออกฤทธิ์ของยาที่มีผลต่อมนุษย์ (วิจัยทางคลินิก) เป็นต้น
สำหรับเดือนก.ค. 63 ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเป็นคู่สัญญากับภาครัฐและเอกชน โดยเป็นบริการที่สนับสนุนธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ ดังตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้น อนึ่งในเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2563 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 158 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,228 ล้านบาท
ส่วนจำนวนเงินที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจลงทุนในเดือนก.ค. จำนวน 871 ล้านบาท ลดลงจากมิ.ย. คิดเป็น 9% เนื่องจากในเดือนมิ.ย. มีต่างชาติลงทุนในธุรกิจบริหารที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง เช่น บริการขุดเจาะปิโตรเลียม และบริการเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม เป็นต้น ซึ่งต่างจากในเดือนก.ค. ที่ต่างชาติลงทุนในธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่แล้วในการให้บริการ เช่น บริการที่ให้การสนับสนุนบริษัทในเครือในกลุ่ม ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่สูง
การอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในครั้งนี้จะมีผลให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นวิทยาการซึ่งเป็นองค์ความรู้ในแขนงที่คนไทยยังไม่มีความชำนาญหรือมีความเชี่ยวชาญในระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในเรื่องก๊าซอุตสาหกรรม องค์ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบระบบเครื่องกลและไฟฟ้า และขบวนรถไฟ องค์ความรู้เกี่ยวกับการทดสอบเดินเครื่องเครื่องกำเนิดไอน้ำ องค์ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคการตรวจสอบความผิดปกติของเหล็กแท่งและการสังเกต Defect เหล็กขณะรีด และองค์ความรู้เกี่ยวกับการดำเนินการวิจัยตามมาตรฐานสากล