น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 63/64 วงเงินรวม 9,789 ล้านบาท เป็นการดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับโครงการประกันรายได้ในปี 62/63 โดยเป็นการประกันรายได้หัวมันสดเชื้อแป้ง 25% ราคากิโลกรัมละ 2.50 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 100 ตัน ประกันในพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั่วประเทศ แต่ต้องไม่ซ้ำแปลง
สำหรับเกษตรกรที่มีสิทธิร่วมโครงการต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนปลูกมันสำปะหลังปี 63/64 กับกรมส่งเสริมการเกษตร ตั้งแต่เดือนเม.ย.63-31 มี.ค.64 โดยจะจ่ายเงินงวดแรกในวันที่ 1 ธ.ค.63 และจะจ่ายทุกวันที่ 1 ของเดือนเป็นระยะเวลา 12 เดือน แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และรัฐบาลจะใช้คืนให้ภายใน 2 ปี ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่ 1 พ.ย.63-31 พ.ค.65
สำหรับโครงการที่ดำเนินการในปีที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินชดเชยไปแล้ว 8 ครั้ง จำนวน 5.3 แสนครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,836 ล้านบาท คิดเป็น 69% ของวงเงินชดเชย ทำให้ยังเหลือเงินงบประมาณอีก 3,063 ล้านบาท ซึ่งโครงการประกันรายได้ปี 62/63 จะสิ้นสุดการจ่ายเงินดชเยงวดสุดท้ายในเดือนพ.ย.63
นอกจากนี้ ครม.ยังได้เห็นชอบมาตรการคู่ขนานเพื่อรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังควบคู่ไปกับการประกันรายได้ โดยมาตรการที่ต้องใช้เงินงบประมาณมี 2 โครงการ วงเงินรวม 114 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลัง วงเงิน 69 ล้านบาท ธ.ก.ส.จะเป็นผู้ออกสินเชื่อวงเงิน 1,150 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนในการพัฒนาการเกษตรของเกษตรกรด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม โดยจะให้เกษตรกรกู้รายละไม่เกิน 230,000 บาท จำนวน 5,000 ราย ชำระคืนไม่เกิน 5 ปีนับจากวันกู้ คิดอัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี แต่เกษตรกรผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยเพียง 3.5% ต่อปี ส่วนที่เหลืออีก 3% รัฐบาลจะจ่ายชดเชยให้ โครงการนี้เริ่ม 1 ต.ค.63 - 31 ต.ค.66
2.โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินรวม 45 ล้านบาท โดยธ.ก.ส.จะเป็นผู้ออกสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกรที่มีการประกอบธุรกิจมันสำปะหลัง เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมหรือรับซื้อหัวมันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้น วงเงินสินเชื่อรวม 1,500 ล้านบาท โดยสถาบันเกษตรกรจะจ่ายดอกเบี้ย 1% ต่อปี ส่วนอีก 3% ต่อปี รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้เป็นระยเวลาไม่เกิน 1 ปี
ส่วนมาตรการที่ไม่ต้องใช้เงินงบประมาณเพิ่มเติม คือ 1.โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลังเพื่อสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการแปรรูปมันสำปะหลัง ซึ่งรวมทั้งลานมัน และโรงแป้งที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต็อกเพื่อดูดซับผลผลิตในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท รัฐบาลจะเป็นผู้ชดเชยดอกเบี้ย 3% ต่อปีตามระยเวลาที่เก็บสต็อกไว้ตั้งแต่ 60 ถึง 100 วัน
2.โครงการบริหารจัดการการนำเข้าและส่งออก โดยให้กรมการค้าต่างประเทศดูแลการส่งออกและนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง ด้วยการตรวจสอบคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานและลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด
"วัตถุประสงค์ของโครงการประกันรายได้ เพื่อดูแลเกษตรกรในยามที่ราคาผลทางการเกษตรตกต่ำ ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้ราคามันสำปะหลังมีเสถียรภาพ ซึ่งมาตรการคู่ขนานที่มีการอนุมัติแบ่งเป็นมาตรการที่ใช้เงินงบประมาณ และมาตรการที่ไม่ใช่เงินงบประมาณ" น.ส.รัชดา กล่าว