นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.อุตสาหกรรม ยังมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะไม่น้อยกว่า 4% ไม่ว่าผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ 19 ส.ค.นี้จะออกมาอย่างไรก็ตาม เพราะประชาชนจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเนื่องจากคลายความกังวล
"หลังประชามติถ้าทำให้ผู้บริโภคสบายใจและใช้จ่ายก็คงเห็นอัตราเจริญเติบโตเร่งขึ้นกว่าร้อยละ 4" นายโฆสิต กล่าว
ส่วนการร่วมหารือกับพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายโฆสิต กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามดูแลภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ไม่ให้เกิดผลกระทบ และมีการรายงานถึงผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มที่มีต่อตลาดหุ้น แต่จะไม่เกิดผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงของประเทศ
"การดำเนินการที่เกิดขึ้นซึ่งมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์มีสาเหตุจากต่างประเทศ แต่ไม่มีเหตุผลอะไรหรือปัจจัยอะไรที่จะกระทบเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศไทย" นายโฆสิต กล่าว
นายโฆสิต กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ค่าเงินในขณะนี้แม้ว่าจะมีความผันผวนจากการอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว แต่ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง และช่วงนี้ยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการระยะกลางหรือระยะยาวออกมาดูแลเรื่องค่าเงินบาท นอกจากนี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยังยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง แม้จะมีเงินทุนส่วนหนึ่งไหลออกจากประเทศไปบ้าง และไม่จำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเหมือนประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม
สำหรับการประเมินผลในระยะยาวต้องรอดูสภาพรวมของตลาดก่อน และเห็นว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นนั้นเป็นปกติวิสัยเมื่อมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของดัชนี
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--