เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงพลังงานของคูเวตได้แสดงความคิดว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นในขณะนี้เป็นผลจากภาวะศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองในหลายประเทศ
นาวาล อัล-เฟเซห์ ปลัดกระทรวงพลังงานและตัวแทนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปค)ของคูเวต ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเคยูเอ็นเอของทางการคูเวตว่า ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะนี้เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาน้ำมันและสินค้าที่ต้องใช้น้ำมันในการผลิต รวมถึงปัญหาการขาดเสถียรภาพในประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลายแห่ง
ทั้งนี้ เธอยังคาดการณ์ด้วยว่า ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย จีน และสหรัฐ พร้อมกันนี้ยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารโลกได้คาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2551 ว่าจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 5.2% โดยภาวะเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ของน้ำมันดิบและสินค้าที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของภาคอุตสาหกรรมขนส่งทั้งทางบกและทางอากาศ
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานของคูเวตยังย้ำว่า ความต้องการน้ำมันจะขยายตัวอยู่ในระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีหน้า ซึ่งเป็นอัตราการปรับตัวที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันคือการความเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และประเด็นความตึงเครียดทางทหารในฐานการผลิตบางแห่ง เช่น ในตะวันออกกลาง รวมไปถึงข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและอิหร่านในประเด็นนิวเคลียร์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น" นางอัล-เฟเซห์ระบุ
นอกจากนี้ นางอัล-เฟเซห์มองว่า ความความตึงเครียดในประเด็นนิวเคลียร์อิหร่านเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ยากต่อการควบคุม และยากที่จะคาดเดาว่าภาวะเช่นนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างไรในอนาคต
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--