กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์เดือนก.ค.ปี 2550 ร่วงลงทั้งอุตสาหกรรม เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลให้ผู้บริโภคลังเลที่จะซื้อรถ
เจเนอรัล มอเตอร์ส เปิดเผยว่า ยอดขายรถของบริษัทในเดือนก.ค.ลดลง 22.3% และฟอร์ด มอเตอร์ส มียอดขายตกลง 19.1%
ขณะที่ยอดขายรถของโตโยต้าในสหรัฐก็ปรับตัวลดลง 7.4% หลังจากที่ยอดขายเมื่อปีที่ผ่านมาทำสถิติสูงสุด โดยโตโยต้า มอเตอร์ส คอร์ป มียอดขายรถเดือนก.ค.มากกว่าฟอร์ด มอเตอร์ส แต่ถ้านับตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน ฟอร์ดยังคงมียอดขายรถยนต์แซงหน้าโตโยต้าจำนวน 11,561 คัน
เจเนอรัล มอเตอร์ส กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ของบริษัทในเดือนก.ค.ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายของบริษัทในช่วงเดือนก.ค.ของปีที่ผ่านมา โดยยอดขายรถยนต์โดยรวมของบริษัทตกลง 9.4% ในปีนี้
ด้านนายจอร์จ ไปปาส นักวิเคราะห์ฝ่ายขายระดับสูงของฟอร์ดกล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ของฟอร์ดในสหรัฐปรับตัวลดลง 12.2% ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทได้ปรับลดยอดขายให้แก่ศูนย์บริการเช่ารถลง 57% หรือ 14,000 คัน ซึ่งเป็นมาผลมาจากความพยายามของบริษัทที่จะลดการพึ่งพาการขายรถให้เช่า อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดยังคงมีแรงกระตุ้นยอดขายรถยนต์รุ่น CUV ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 40% ในเดือนก.ค.เพราะได้รับปัจจัยหนุนจาการที่ฟอร์ดได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อาทิ ฟอร์ด เอดจ์ และลินคอล์น เอ็มเคเอ็กซ์ ขณะที่จีเอ็มก็มียอดขายรถยนต์ CUV เพิ่มขึ้นเช่นกัน
เดมเลอร์ไคลส์เลอร์ เอจีกล่าวว่า ยอดขายรถเดือนก.ค.ในสหรัฐปรับตัวลดลง 9.1% และยอดขายรถของไคลส์เลอร์ กรุ๊ปปรับตัวลดลง 8.4% ขณะที่ยอดขายรถของเมอร์เซเดส-เบนซ์ลดลงจากเดือนก.ค.ปีก่อน 13.9%
เอริช เมอร์เกิล รองประธานฝ่ายคาดการณ์ของไออาร์เอ็น อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านยานยนต์ กล่าวว่า ผู้บริโภคมีอำนาจในการซื้อลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอัตราการปล่อยกู้จำนองและสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--