นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แนะผู้ประกอบการ/ผู้ส่งออก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ที่ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระเบียบสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง หลังจากที่กระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ปรับแก้ไขเพื่อควบคุมดูแลและบริหารจัดการคุณภาพและความปลอดภัยของเครื่องสำอาง รวมทั้งปกป้องและส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภคสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป ทั้งนี้อนุญาตให้ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์บางชนิด เช่น ปลูกผม กำจัดขน เสริมหน้าอก เสริมความงาม และดับกลิ่นกาย เฉพาะที่ขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2564 เท่านั้นที่สามารถจำหน่ายต่อไปได้เป็นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่มีผลบังคับใช้
สำหรับสาระสำคัญระเบียบดังกล่าว ได้แก่ ปรับคำนิยามใหม่ (1) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบพิเศษ หมายถึง เครื่องสำอางที่มีวัตถุประสงค์พิเศษ ได้แก่ ยาย้อมผม ป้องกันผมร่วง ยาดัดผมแบบถาวร ทำให้ผิวขาว กันแดด และวัตถุประสงค์อื่นๆที่ถูกกำหนด โดย National Medical Products Administration (NMPA) และ (2) ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วไป หมายถึง เครื่องสำอาง ยกเว้นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแบบพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น สบู่ที่ทำให้ผิวขาว ถูกกำหนดให้เป็นเครื่องสำอางแบบพิเศษและจะต้องขึ้นทะเบียน
ปรับแก้ไขระเบียบ สำหรับยาสีฟันซึ่งไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง โดยจะต้องแจ้งต่อ NMPA ก่อนการวางจำหน่าย และ NMPA จะต้องประเมินประสิทธิภาพของยาสีฟัน ก่อนการใช้คำกล่าวอ้าง เช่น ป้องกันฟันผุ ลดการเกิดคราบฟัน ลดการเสียวฟัน และลดปัญหาเหงือก เป็นต้น
รวมทั้งข้อกำหนดใหม่ (1) เครื่องสำอางที่มีวัตถุดิบชนิดใหม่จะต้องขึ้นทะเบียนต่อ NMPA ก่อนการนำมาใช้เพื่อเป็นวัตถุกันเสีย กันแดด สารแต่งสี ยาย้อมผม หรือทำให้ผิวขาว (2) บุคคลที่รับผิดชอบในการควบคุมคุณภาพและการประเมินความปลอดภัยของเครื่องสำอาง จะต้องมีความรู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี และ (3) คำกล่าวอ้างในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ โดยมีการตีพิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณะ ข้อมูลการวิจัยหรือประสิทธิภาพในการทดสอบลงในเว็บไซต์เพื่อพิสูจน์ต่อคำกล่าวอ้าง รวมทั้งผู้อนุมัติและผู้บริโภคสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ง่าย เป็นต้น
ที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไปยังจีน ช่วงปี 2560-2562 มูลค่า 3,429.7 9,188.5 และ 11,985.9 ล้านบาทตามลำดับ โดยล่าสุดช่วง ม.ค.-มิ.ย.63 มีมูลค่าการส่งออก 2,666.6 ล้านบาท ลดลง 63.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน