รายงานข่าวจากวงการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาคมด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลในวันพรุ่งนี้เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ และนำข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจและลดอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เข้าหารือ โดยหนึ่งในประเด็นที่คาดว่าจะเสนอต่อรัฐบาลคือการปลดล็อกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ที่ประกาศไว้โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และการลดเพดานราคาบ้านที่ได้รับสิทธิลดค่าธรรมเนียมการโอนและจำนอง
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า ในมุมของรัฐบาล หากคิดว่างบประมาณไม่มาก และไม่อยากเหนื่อยในเรื่องการจัดเก็บภาษี ก็ควรมาพิจารณาในเรื่องปลดล็อกมาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV)
"ดีเวลลอปเปอร์ ไม่ได้ขออะไรมาก แค่ปลดล็อก LTV จะได้ลูกค้ากลับคืนมาทันที 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการออกมาตรการ LTV เราไปย้อนดูข้อมูล จะพบว่าแบงก์ชาติกังวลเรื่องการเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ถ้าคิดอย่างนั้น มาตรการไม่ควรครอบคลุมกับตลาดแนวราบ และในปัจจุบันก็ไม่มีใครเก็งกำไรคอนโดฯอยู่แล้ว ก็ควรจะปลดล็อกไปเลย และยังช่วยให้รัฐบาลไม่ต้องเสียเงินด้วย และยังทำให้คนซื้อเพิ่มขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลยังได้ภาษีค่าธรรมเนียมการโอนฯ และภาษีธุรกิจเฉพาะอีก
หรือ การยกเลิกเพดานราคาบ้านในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เนื่องจากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของตลาดรวม ที่เหลืออีก 70 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลยังไม่ได้สนับสนุน แต่หากให้ได้ คลายตรงนี้ลง จะทำให้ทุกระดับราคาได้รับผลประโยชน์ แต่ก็ต้องดูว่าในด้านภาษี รัฐบาลจะพอหรือเปล่า"นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า แม้ว่าขณะนี้ยอดโอนกรรมสิทธิ์เริ่มกลับมาดีขึ้น แต่ก็ยังมีประเด็นที่ต้องเฝ้าและติดตาม โดยเฉพาะในกลุ่มของอาชีพการโรงแรมและอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสายการบิน การโอนกรรมสิทธิ์อาจไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะทั้งจากสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และเกิดปัญหาจากลูกค้าขอยกเลิกการโอนฯโครงการ แม้ตัวเลขจะไม่มาก แต่ก็พอเห็นเป็นสัญญาณที่ต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ธุรกิจมีการปิดกิจการลง ตัวเลขว่างงานเพิ่มสูงขึ้น
"คุณถามผมว่าจะให้เสนออะไรกับรัฐบาลนั้น ขอยกหยิบตัวอย่าง โครงการอสังหาฯที่บริษัทศุภาลัยไปร่วมลงทุนกับบริษัทพันธมิตรที่ประเทศออสเตรเลีย ช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายบ้านในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทุกเดือนจะเติบโตตลอด เนื่องจากรัฐบาลออสเตรเลีย ให้การสนับสนุนถ้าลูกค้าซื้อบ้านหลังแรก และปรับปรุงบ้านตัวเอง เมื่อเริ่มตอกเข็ม รัฐบาลมีวงเงินส่งเสริมประมาณ 500,000 บาท ในราคาบ้านเฉลี่ย 10 ล้านบาท ของไทย คงลำบาก คงไม่น่าจะได้ตัวเลขดังกล่าว แต่คิดว่า ถ้าได้ 50,000 บาท ผมก็เอา แต่ก็ไม่รู้จะได้หรือไม่" นายไตรเตชะ กล่าว