นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ ซึ่งขณะนี้ภาพรวมการก่อสร้าง ประกอบด้วยโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 พร้อมปรับปรุงอาคารที่พักหลังที่ 1, 2 และอาคารจอดรถยนต์ มีความคืบหน้าแล้ว 29.63% คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2565 และโครงการก่อสร้างลานจอดเครื่องบินพร้อมระบบไฟฟ้า มีความคืบหน้า 91.68% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2563
พร้อมทั้งกำชับให้ผู้รับเหมา เร่งดำเนินงานให้แล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 3 และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังที่ 1,2 แล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารให้กับท่าอากาศยานกระบี่ จากเดิมรองรับผู้โดยสารได้ 1,500 คน ต่อชั่วโมง เป็น 3,000 คน ต่อชั่วโมง หรือจาก 4 ล้านคนต่อปี เป็น 8 ล้านคนต่อปี
ขณะที่อาคารจอดรถยนต์หลังใหม่และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม จะสามารถรองรับรถยนต์ได้สูงสุด 2,000 คัน และรองรับเครื่องบินขนาดโบอิ้ง 737 ได้ 40 ลำในเวลาเดียวกัน สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางขับขนาน พร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ เรื่องการพิจารณาคุณสมบัติและผลงานของผู้ยื่นข้อเสนอ
ในส่วนของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ท่าอากาศยานกระบี่ได้ดำเนินการตามแนวปฏิบัติของกรมควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด โดยตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ คัดกรองคนเข้าภายในท่าอากาศยาน ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ณ บริเวณจุดที่ให้บริการประชาชน และเตรียมความพร้อมในการเปิดรับผู้โดยสารจากต่างประเทศต่อไป