น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน เป้าหมาย 3 แสนตันน้ำมันปาล์มดิบ โดยจะต้องดำเนินการให้เสร็จภายในเดือน มี.ค.64 วัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน และรักษาเสถียภาพราคาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มในประเทศ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 618 ล้านบาท โดยให้กระทรวงพาณิชย์ใช้งบจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อเป็นการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ เช่น ค่าขนส่ง ค่าคลังจัดเก็บ และค่ารักษาคุณภาพปาล์ม รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในอัตราไม่เกิน 2 บาท/กิโลกรัมน้ำมันปาล์มดิบ
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบโครงการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตไฟฟ้า โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือร่วมกันกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความคุ้มค่าและภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการจัดซื้อน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มเติมจำนวน 1 แสนตัน โดยจะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) อีกครั้งในเดือนก.ย.นี้
สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2564 (รอบใหม่) กนป. ได้เห็นชอบในหลักการแล้ว โดยคงแนวทางเช่นเดียวกับโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2562-2563 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการต่อไป
"รัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบออกจากตลาดเพื่อลดผลผลิตส่วนเกิน ควบคู่กับการดำเนินโครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินเป้าหมาย 300,000 ตัน รัฐบาลได้เร่งให้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วฐานของประเทศ เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลในประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยมีการส่งเสริมโดยใช้มาตรการจูงใจด้านราคา โดยกำหนดราคา บี10 ให้ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา (บี7) โดยปัจจุบันส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 ถูกกว่าน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 อยู่ที่ 3 บาทต่อลิตร และมีสถานสถานีบริการจำนวน 6,222 แห่งและกลุ่ม Fleet 543 แห่ง ในช่วงวันที่ 1-9 สิงหาคม 2563 มีปริมาณการจำหน่ายเฉลี่ย 18.45 ล้านลิตรต่อวัน" รองโฆษกฯ กล่าว