รมช.คมนาคม เผยขอเวลาพิจารณาประเด็นที่มาของสัญญาโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือแอร์พอร์ตลิงค์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)และประสานขอข้อมูลการพิจารณาทุจริตในโครงการนี้ของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก่อนจะตัดสินขยายเวลาการก่อสร้างให้กับผู้รับเหมาโครงการ
เหตุผลที่ต้องพิจารณาอย่ารอบคอบในสัญญาแอร์พอร์ตลิงค์ เพราะเป็นหนึ่งในโครงการที่คตส.อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีทุจริต เพราะหากไปทำข้อตกลงกับเอกชนอาจเกิดปัญหาในภายหลัง ฉะนั้นจึงต้องรอบคอบเพราะจะมีต่อไปถึงรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามารับผิดชอบ พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งทีมกฎหมายเพื่อพิจารณาประเด็นต่าง ๆ ให้รอบคอบ รวมถึงที่คตส.พิจารณาด้วย เพื่อจะได้คำตอบที่ชัดเจน
"ยอมรับว่าเรื่องนี้มีความซับซ้อนพอสมควร ตั้งแต่กระบวนการตัดสินใจ วิธีการที่ได้มาซึ่งข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ที่ทางแบงก์เอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งแบงก์ต่างชาติ ฉะนั้นเพื่อความรอบคอบก็ควรจะดูให้มันดี เพราะถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมา มันจะมีผลเสีย ในภาพรวมของประเทศ เลยคิดว่ายังพอมีเวลาพูดคุยกัน" นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รมช.คมนาคม กล่าวผ่านรายการวิทยุเช้านี้
ทั้งนี้ โครงการแอร์พอร์ตลิงค์ตามสัญญามีระยะเวลาก่อสร้ง 990 วัน หรือแล้วเสร็จในวันที่ 5 พ.ย.50 โดยมีกำหนดงานโครงสร้างพื้นฐานต้องแล้วเสร็จภายใน 7 ส.ค.ซึ่งผู้รับเหมาได้ขอขยายเวลาการก่อสร้างเนื่องจากเกิดความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่จากรฟท. ก่อนหน้านี้ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)ขอขยายเวลามากกว่า 500 วัน แต่ รฟท.เห็นควรขยายเวลา 398 วัน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า หากการก่อสร้างงานด้านโยธาแล้วเสร็จไม่ทันวันที่ 7 ส.ค.ก็พูดคุยได้ว่ายังไม่ลงโทษหรือเรียกค่าปรับ แต่แสดงความเป็นห่วงในประเด็นข้อกฎหมายมากกว่า จึงได้ให้ทีมกฎหมายมาพิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ รวมทั้งประเด็นที่มาของสัญญาว่าถูกต้องหรือไม่ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้จึงยังสรุปชัดเจนไม่ได้ว่าผิดถูก หรือเหมาะสมไม่เหมาะสม
"ในความเห็นของผม ผมไม่อยากเห็นโครงการนี้หยุดชะงัก เพราะเป็นโครงการที่มีประโยชน์ และควรจะต้องเดินต่ออยู่แล้ว เราก็ควรหาทางให้โครงการยังไง เรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสม ความผิดพลาด ขึ้นอยู่ว่าจะเคลียร์กันได้ยังไง ถ้ามันชัดเจนแล้วและส่วนที่ยังไม่เสร็จ จะเสร็จได้ด้วยวิธีไหน อะไรทำนองนี้ ก็คงต้องขอเวลาหารือกับทีมกฎหมาย" นายสรรเสริญ กล่าว
**ต่อสัญญาเช่าที่ดินเซ็นทรัลยังเดินหน้าพิจารณาประเด็นข้อกม.
ส่วนกรณีการต่อสัญญาเช่าที่ดินแยกลาดพร้าวกับกลุ่มเซ็นทรัลนั้น รมช.คมนาคม กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับ รฟท.ว่า ให้พิจารณาอย่าให้รัฐเสียประโยชน์ เป็นธรรม และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
นายสรรเสริญ กล่าวว่า วันนี้ยังมีข้อสงสัยด้านกฎหมายว่าควรจะเจรจาต่อสัญญากับกลุ่มเซ็นทรัล หรือเปิดประมูลใหม่ ก็ให้ไปถามกฤษฏีกา หรืออัยการ ซึ่งก็ได้ถามไปแล้ว 2 ครั้งก็ตอบมาเหมือนเดิม แต่ก็ยังมีข้อสงสัยทางกฎหมายอยู่ว่ามีสิทธิเจรจากับเซ็นทรัลก่อนหรือไม่หากอายุสัญญาเช่าหมดแล้ว รวมทั้งนำข้อมูลประกอบให้ครบถ้วน
พร้อมกันนั้น ยังได้ให้รฟท.หาบริษัทประเมินราคาที่ดิน 2 บริษัทมาประเมินราคาที่ดินผืนดังกล่าวเตรียมไว้ หากมีข้อมูลตรงนี้แล้วจะได้มีข้อมูลไปเจรจาต่อรองกับผู้เช่ารายเดิมหรือผู้เช่ารายใหม่ก็ตาม เพื่อให้ดำเนินการได้ทันที
"เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เราไม่ได้เกียร์ว่าง แต่ทุกอย่างให้เดินตามขั้นตอนที่ถูกต้องและก็อิงกฎหมายเอาไว้"นายสรรเสริญ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--