นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ที่ได้จากการสำรวจความเห็นจากผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก กลางและใหญ่ ในช่วงกลางไตรมาส 3/63 เพื่อประเมินผลทางเศรษฐกิจไตรมาส 4 พบว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจจีนทั้งการค้าและการลงทุนไตรมาส 4/63 จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2563 ส่งผลให้การนำเข้าและส่งออกระหว่างไทยกับจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยและทิศทางตลาดหุ้นไตรมาสสุดท้ายปีนี้มีโอกาสทรงตัวและปรับตัวดีขึ้นมากกว่าโอกาสที่จะถดถอย โดยแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนคาดว่าจะเคลื่อนไหวระหว่าง 30.85-31.35 บาทต่อเหรียญสหรัฐอเมริกา
"รอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.63) การส่งออกไทยไปตลาดจีนขยายตัว 4.5% หรือเป็นสัดส่วน 12.8% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย จึงมีส่วนที่จะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนการส่งออกไทยได้ระดับหนึ่งและเมื่อเศรษฐกิจจีนมีทิศทางดีขึ้นก็ย่อมส่งผลต่อการค้าและส่งออกของไทยกับจีนจะเติบโตเช่นกัน แต่ในมุมมองเศรษฐกิจไทยไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ยอมรับว่าผลสำรวจไม่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะดีขึ้น หากแต่โอกาสที่จะลดลงมีไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับโอกาสที่จะทรงตัวและดีขึ้นรวมกัน"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 2 ปีนี้จะหดตัว 12.2% แต่ก็เริ่มมีสัญญาณบวกจากความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาลควรเร่งแก้ไขไตรมาส 4 โดยเร็ว ด้วยการเร่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศที่แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินการอยู่แต่ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้จึงจำเป็นต้องผลักดันมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาส 4 ปี 2563 นี้ด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพำนักในประเทศไทยในระยะยาว
อย่างไรก็ตามเมื่อได้มีการสอบถามถึงการเปิดให้ต่างชาติมาท่องเที่ยวในไทยเกินครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามให้ข้อคิดเห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาต้องมาจากพื้นที่ที่ปลอดจากโควิด ระยะเวลาที่เหมาะสมตามที่ทางการแพทย์ยอมรับได้ และต้องมีการกักตัวในระยะสั้น และระยะเวลาการกักตัวนั้นขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของประเทศ ทั้งนี้ ต้องมีการหารือในระดับท้องที่เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นให้ความยอมรับในการเปิดพื้นที่ และมีการจำกัดบริเวณการเดินทางให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่ เป็นต้น
นอกจากนี้จากการสอบถามถึงความเชื่อมั่นในการลงทุนพบว่า ปัจจัยสำคัญสุดคือการ แก้ไขปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองและการประท้วงหากคลี่คลายได้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ซึ่งให้ความสำคัญมากกว่าปัจจัยลำดับที่สองคือการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในคนได้อย่างสมบูรณ์ โดยนักธุรกิจที่ตอบการสำรวจคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 9-12 เดือนที่จะทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนเพิ่มขึ้น
สำหรับผลสำรวจไตรมาส 4/63 นักธุรกิจหอการค้าไทย-จีน ยังมีความเชื่อมั่นในธุรกิจออนไลน์ ธุรกิจพืชผลทางการเกษตร บริการสุขภาพ โลจิสติกส์ และธุรกิจสินค้า เกษตรแปรรูปที่ยังสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ในทางตรงกันข้าม ได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขอย่างเร่งด่วนในธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง และภาคอุตสาหกรรมการผลิต
"การสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีนเป็นการสำรวจความเห็น โดยวัดความรู้สึกจากผู้ประกอบการตัวจริง ที่มีประสบการณ์ธุรกิจมายาวนานมีความใกล้ชิดกับภาครัฐและเอกชนจีน และชาวจีนโพ้นทะเล ซึ่งได้ดำเนินการเพื่อสานต่อจากอดีตประธาน โดยปรับปรับรูปแบบและการสำรวจความเห็นการตอบแบบสอบถามพร้อมกัน และบางส่วนเป็นการตอบแบบสอบถามผ่านระบบออนไลน์ประกอบด้วย 4 ส่วนได้แก่ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจไทย- จีน 2.ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจไทย 3.ตัวชี้วัดปัจจัยเกื้อหนุน และ 4 ประเด็นและ เหตุการณ์เฉพาะกิจ" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
สำหรับข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาล คือ การเร่งแก้ไขเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายนี้โดยเร็ว เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะต้องเร่งแก้ปัญหาปากท้องประชาชน รวมถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่แม้ว่ารัฐบาลจะได้ดำเนินการอยู่ แต่มองว่ายังไม่เพียงพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้ จึงจำเป็นต้องผลักดันมาตรการผ่อนคลายการเดินทางเข้าไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติในไตรมาสนี้ด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเข้ามาพำนักในประเทศไทยในระยะยาว ผลสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะต้องมาจากพื้นที่ที่ปลอดจากโควิด-19, การเดินทางเข้ามา ต้องมีระยะเวลาที่เหมาะสม ทางการแพทย์ต้องยอมรับได้และต้องมีการกักตัวในระยะสั้น, ระยะเวลาการกักตัวขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของประเทศง, ต้องมีการหารือในระดับท้องถิ่นเพื่อให้ประชาชน ให้ความยอมรับการเปิดพื้นที่, มีการจำกัดบริเวณการเดินทางให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่
นอกจากนี้ยังแนะนำการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนจะต้องแก้ไขปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองและการประท้วงเป็นอันดับแรก หากคลี่คลายได้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน, การทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในคนได้อย่างสมบูรณ์ โดยคาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 9-12 เดือนที่จะทำให้เกิดความมั่นใจในการลงทุนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จากผลสำรวจไตรมาสสุดท้ายปี 2563 นักธุรกิจหอการค้าไทย-จีน ยังมีความเชื่อมั่นธุรกิจออนไลน์, ธุรกิจพืชผลทางการเกษตร,บริการสุขภาพ,โลจิสติกส์ และธุรกิจสินค้าเกษตรแปรรูป ยังสามารถขับเคลื่อนได้ แต่ในทางตรงกันข้ามได้จะต้องเร่งแก้ไขในธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างและภาคอุตสาหกรรมการผลิตอย่างเร่งด่วน
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า หอการค้าไทยอยากเห็น ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการเหมือนกับที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น หากรัฐบาลทยอยเปิดให้สายการบินเริ่มเดินทางเข้าและออกไทยได้ โดยเริ่มจากกลุ่มนักธุรกิจและนักศึกษาจีนก่อนเป็นอันดับแรก จะทำให้คนจีนเดินทางเข้าไทยมากกว่าเดือนละ 10,000 คน จากปัจจุบันเป็นศูนย์และหลังจากเปิดรับทัวร์ที่เป็นหมู่คณะประมาณ 5-10 คน และมีระบบการคัดกรองที่เข้มงวด โดยเริ่มจากมณฑลของจีนที่ไม่พบเชื้อโควิดแล้ว เป็นระยะเวลา 30 วันจับคู่กับจังหวัดของไทยที่ไม่พบเชื้อ 30 วัน เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น หรือ Travel Bubble ซึ่งก็คือ การจับคู่แลกเปลี่ยน ทัวริสต์ระหว่างไทยกับจีน ธุรกิจการท่องเที่ยวก็จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่จะให้กลับมาเป็นปกติคาดว่าจะใช้เวลาอีกเป็นปี
"ขณะนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีนอัตราต่ำมากๆ หากเปิดให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าเที่ยวในไทยได้แล้ว นักท่องเที่ยวจีนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของทางการไทย เช่น ต้องลงทะเบียนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศจีนก่อนเดินทางเข้าไทย ไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง"นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
นายณรงค์ศักดิ์ ยังให้ความเห็นถึงตำแหน่ง รมว.คลังที่ยังว่างอยู่ว่า ณ ตอนนี้คงไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่านายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาทำหน้าที่นี้เองในช่วงสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้