นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงการท่องเที่ยวที่ซบเซาลง ซึ่งทำให้หลายภาคส่วนได้คาดการณ์ว่าจะมีแรงงานกลุ่มภาคบริการในธุรกิจท่องเที่ยว จะว่างงานถึง 50,000 คน โดยกรมกรมจัดหางานได้เตรียมแนวทางและมาตรการรองรับปัญหาการว่างงานไว้แล้ว
สำหรับมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 อย่างแรงงานกลุ่มภาคบริการในธุรกิจท่องเที่ยว ได้แก่ การจัดงาน JOB EXPO THAILAND 2020 ที่รวบรวมตำแหน่งงานกว่า 1,000,000 อัตรา ซึ่งจะมีตำแหน่งงานที่รวมถึงงานด้านบริการและการท่องเที่ยว สำหรับแรงงานที่สนใจทำงานลักษณะเดิม ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในตำแหน่งใหม่ ยังมีตำแหน่งงานอื่นๆ ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน รวมทั้งตำแหน่งงานในต่างประเทศ อาทิ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น อิสราเอล มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ไว้รองรับ ซึ่งจะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาใหม่ โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าจ้าง 50% ของเงินเดือน ในลักษณะ Co-payment เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564 และการจัดทำ Platform ไทยมีงานทำ.com ซึ่งเป็นการหาตำแหน่งงานเชิงรุกทั่วประเทศ โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดจะลงพื้นที่พบปะเจ้าของสถานประกอบการเพื่อขอตำแหน่งงานว่างที่มี ซึ่งจะครอบคลุมถึงงานด้านบริการและการท่องเที่ยว
นางพรปวีณ์ วิชิต รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยถึงรายละเอียดแนวทางและมาตรการรองรับปัญหาการว่างงาน ดังนี้
1.มาตรการเฝ้าระวัง ได้สั่งการให้สำนักงานจัดหางานทุกจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 เฝ้าระวังสถานประกอบการในพื้นที่ที่รับผิดชอบที่มีแนวโน้มจะเลิกประกอบกิจการหรือเลิกจ้างอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ เพื่อเตรียมหาตำแหน่งงานในกิจการเดียวกันหรือใกล้เคียงไว้รองรับ โดยประสานงานกับหน่วยงานในสังกัด ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
ส่วนกลางให้สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ประสานกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม และสถานประกอบการ เพื่อรวบรวมข้อมูลการเลิกจ้างรายงานให้กรมการจัดหางานทราบ
ส่วนภูมิภาคสำนักงานจัดหางานทุกจังหวัดประสานกับสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด สำนักงานประกันสังคมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด และสถานประกอบการ เพื่อรวบรวมข้อมูลการเลิกจ้างรายงานให้กรมการจัดหางานทราบ
โดยสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ และสำนักงานจัดหางานจังหวัด จัดเตรียมหาตำแหน่งงานในกิจการเดียวกันหรือใกล้เคียงไว้รองรับ กรณีที่มีการเลิกจ้างเป็นจำนวนมากให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดประสานกับนายจ้างสถานประกอบการสำรวจความต้องการเบื้องต้นของผู้ถูกเลิกจ้างเพื่อให้การช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ, รับขึ้นทะเบียนผู้หางานเพื่อให้ได้รับความสะดวก, ประสานสถานประกอบการที่มีกิจการเดียวกันหรือใกล้เคียงเพื่อรับสมัครงาน
ในส่วนของนักแนะแนวอาชีพจะจัดเตรียมข้อมูลอาชีพอิสระ การรับงานไปทำที่บ้าน การให้บริการปรึกษาด้วยรถเคลื่อนที่ การประสานกรมการพัฒนาฝีมือแรงงานจัดเตรียมหลักสูตรฝึกอาชีพที่ตลาดมีความต้องการไว้รองรับ
2.มาตรการช่วยเหลือขึ้นทะเบียนใช้สิทธิกรณีว่างงานสำหรับผู้ถูกเลิกจ้าง โดยสามารถลงทะเบียนทางเว็บไซต์ของกระทรวงแรงงานภายใน 30 วันหลังจากถูกเลิกจ้าง โดยใช้หลักฐานบัตรประชาชนเพียงใบเดียว จากนั้นระบบจะแสดงหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนว่างงานและใบนัดรายงานตัว โดยผู้ประกันตนนำหนังสือฯไปส่งให้สำนักงานประกันสังคม พร้อมด้วยสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน สำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อผู้ประกันตนประเภทออมทรัพย์
3.มาตรการช่วยเหลือผู้ถูกเลิกจ้างกรณีต้องการหางาน โดยกรมการจัดหางานได้รวบรวมข้อมูลของสถานประกอบการที่มีความต้องการจ้างงานใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเปิดรับอยู่ 766 ตำแหน่ง จำนวนกว่า 3 แสนอัตรา ซึ่งสามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 และสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสมัครงานผ่านทางออนไลน์ได้ที่ smartjob.doe.go.th ซึ่งจะมีระบบจับคู่ให้เหมาะสมกับงานที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังมีการจัดโครงการจัดหางานต่างๆ ตามสถานีขนส่งทุกแห่ง
4.มาตรการกระตุ้นจ้างงาน ตามมติศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ให้กับผู้จบการศึกษาใหม่ 2.6 แสนคน โดยรัฐบาลอุดหนุนค่าจ้าง 50% แต่ไม่เกินเดือน 7,500 บาท เป็นเวลา 12 เดือน (1 ต.ค.63-30 ก.ย.64) โดยนายจ้างจะต้องอยู่ในระบบประกันสังคม และไม่เลิกจ้างลูกจ้างเดิมเกิน 15% ในช่วง 1 ปี กรณีลูกจ้างลาออกระหว่างโครงการ นายจ้างสามารถหาลูกจ้างใหม่ทดแทนได้ โดยจะมีการจัดงานจ็อบเอ็กซ์โปในวันที่ 26-28 ก.ย.63 โดยมีตำแหน่งงานว่างจากสถานประกอบการทั้งในและต่างประเทศกว่า 1 ล้านตำแหน่ง
"งบสนับสนุนของรัฐบาลหลังครบ 1 ปีแล้วคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นผู้ประกอบการก็น่าจะรักษาลูกจ้างที่ทำงานดีเอาไว้" นางพรปวีณ์ กล่าว
รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ยอมรับว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีความรุนแรงเกินกว่าที่หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงหน่วยงานเดียวจะแก้ปัญหาได้โดยลำพัง ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน
สำหรับกรณีมีตำแหน่งงานที่สถานประกอบการต้องการเปิดรับแรงงานต่างด้าวนั้น กรมการจัดหางานกำหนดให้สถานประกอบการต้องเปิดรับคนไทยเข้าทำงานก่อน