แหล่งข่าวจากสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)กล่าวว่า ธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น(เจบิค)จะคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับโครงการรถไฟฟ้าของไทยในเงื่อนไขปกติ คือช่วง 1.0-1.5% ต่อปี เนื่องจากเห็นว่าโครงการดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์การปล่อยกู้พิเศษให้กับโครงการที่เน้นการรักษาสิ่งแวดล้อมที่จะได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นกรณีพิเศษที่ราว 0.75% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม เจบิคได้เสนอทางเลือกเพิ่มให้กับไทย คือ หากไทยต้องการดอกเบี้ยขั้นต่ำ ระยะเวลาในการชำระคืนเงินกู้จะสั้น แต่หากต้องการระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ที่นานกว่า ก็จะต้องจ่ายอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งเรื่องนี้จะต้องพิจารณาเรื่องการบริหารหนี้สาธารณะของไทยด้วย
"หลังจากเขามาดู site line ของเราแล้ว เขา review ว่าโครงการรถไฟฟ้าของเราไม่เป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม จึงยื่นเงื่อนไขการกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าที่เราเคยขอไปที่เป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ" แหล่งข่าว กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
แหล่งข่าว กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับการชี้แจงเบื้องต้นจากเจบิค ทางการไทยก็ยังยืนยันกลับไปว่าาโครงการรถไฟฟ้าที่ขอเงินกู้สนับสนุนจากเจบิคเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม จึงได้ขอให้ทางเจบิคพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
"ทางเจบิคคงกำลังรอ comment ของเรากลับไป เพื่อพิจารณาโครงการของเราใหม่ว่าเข้าเงื่อนไขโครงการเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมของเขาหรือไม่ แล้วเขาคงจะกลับมาคุยกับเราอีกรอบหนึ่งในเดือนหน้า เพื่อมาคุยเกี่ยวกับ loan agreement รวมทั้งเงื่อนไขการกู้เงินต่างๆ" แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับทางเลือกอื่นนอกจากการกู้เงินเจบิค เช่น การกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย(เอดีบี)นั้น ขณะนี้ได้เจรจาด้วยเช่นกัน และไม่ได้มีเพียงเอดีบีรายเดียว แต่อัตราดอกเบี้ยของเอดีบีสูงกว่าเจบิค เนื่องจากเอดีบีจะคิดอัตราดอกเบี้ยตามตลาด เพราะเป็นการให้กู้ในสกุลเงินดอลลาร์ ประกอบกับเอดีบีไม่มีรัฐบาลมาช่วยรับภาระดอกเบี้ยเหมือนกับของเจบิคที่รัฐบาลญี่ปุ่นช่วยเหลือ ทำให้ต้นทุนการกู้เอดีบีจะสูงกว่ากู้จากเจบิค
"เอดีบีปกติจะให้กู้เป็น us dollars ดอกเบี้ยจึงสูงกว่าเยน ประกอบกับเอดีบีไม่มีรัฐบาล subsidise เช่นเดียวกับเจบิคที่มีรัฐบาลญี่ปุ่น subsidise จึงช่วยให้ไทยสามารถได้เงื่อนไขเงินกู้ต่ำกว่าตลาด" แหล่งข่าว กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--