จีเอ็มเผยผลประกอบการไตรมาส 2 พุ่งแตะ 891 ล้านดอลล์ หลังยอดขายทะยาน

          บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ คอร์ป (จีเอ็ม) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนตร์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐเปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของบริษัทอยู่ที่ 891 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งฟื้นตัวขึ้นอย่างมากหลังจากที่ขาดทุนถึง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา 
          จีเอ็มเปิดเผยว่า ผลประกอบการล่าสุดสะท้อนถึงยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นในตลาดที่มีการขยายตัวขึ้นทั่วโลก
          ริก แวกกอเนอร์ ประธานและซีอีโอของจีเอ็มกล่าวในแถลงการณ์ว่า "ภารกิจสำคัญของเราในการเจาะตลาดที่มีการขยายตัวทั่วโลกนั้น เป็นปัจจัยที่ทำให้บริษัทเติบโตขึ้นและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง " 
          จีเอ็มเปิดเผยว่า รายได้สุทธิซึ่งไม่นับรวมถึงสินค้าพิเศษของบริษัทอยู่ที่ 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.48 ดอลลาร์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับที่นักวิเคราะห์จากสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 1.13 ดอลลาร์ต่อหุ้น
          จีเอ็ม ซึ่งมีฐานการดำเนินงานในเมืองดีทรอยซ์เปิดเผยว่า รายได้สุทธิจากการผลิตยานยนต์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 618 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับยอดขาดทุนสุทธิที่ 3.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา
          อย่างไรก็ตาม จีเอ็มยังคงมีตัวเลขขาดทุนการดำเนินงานในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งมีรายงานว่าบริษัทมียอดขาดทุนสุทธิจากการผลิต 39 ดอลลาร์สหรัฐ  
          ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาสนี้ฟื้นตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ว่าบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนในอเมริกาเหนือทั้งสิ้น 3.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากบริษัทต้องจ่ายเงินชดเชยการเกษียณอายุก่อนกำหนดของพนักงาน คิดเป็นมูลค่า 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 
          ส่วนในยุโรปนั้น จีเอ็มมีผลกำไรสุทธิที่ 217 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับยอดขาดทุนสุทธิที่ 39 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
          ด้านผลประกอบการในตลาดภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีตัวเลขผลกำไรสุทธิที่ 277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับ 376 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงยอดขายรถยนต์จากค่ายอีซุซุของญี่ปุ่นที่ 212 ล้านดอลลาร์สหรัฐ