นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในการประชุมพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ขสมก.ได้ชี้แจงประเด็นคำถามกระทรวงการคลัง 7 ข้อ เพื่อความมั่นใจในการดำเนินการแผนฟื้นฟู ได้สำเร็จ ซึ่งคลังต้องการข้อมูล การดำเนินการของขสมก.แต่ละปี เพื่อจะใช้เป็นตัวชี้วัด (KPI) และประเมินผลว่า ขสมก.สามารถทำได้จริงตามแผนที่เสนอ ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม และขสมก.มั่นใจว่า ใน 7 ปี ผลการดำเนินงานของ ขสมก.จะมี EBITDA เป็นบวกได้ โดยประเมินว่าในปีที่ 7 ขสมก. จะมี EBITDA ประมาณ 50 ล้านบาท
ส่วนการแก้ปัญหาหนี้สินของขสมก.ที่มีกว่า 1.27 แสนล้านบาทนั้น มี 2 วิธี คือ ทำแผนฟื้นฟู เพื่อรีเซทองค์กรใหม่ กับ ปล่อยให้ดำเนินงานเหมือนเดิม ถ้าไม่ไหว ก็ให้ล้มละลาย ซึ่งแนวทางของขสมก.คงไม่สามารถให้ล้มละลายได้ เพราะการฟื้นฟูยังมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสรอด แต่เนื่องจากขสมก.ขาดทุนสะสมมานาน โดยล่าสุดเมื่อปี 25623 ขาดทุนถึงประมาณ 5,000 ล้านบาท
ขณะที่แนวทางการฟื้นฟูนั้น กระทรวงการคลัง จะรับภาระหนี้และดอกเบี้ย โดยแยกบัญชีออกจากขสมก. ส่วนขสมก.จะปรับรูปแบบ การเดินรถโดยจ้างเอกชนวิ่งตามระยะทาง โดยมีโครงข่ายหลัก จำนวน 162 เส้นทาง อัตราค่าโดยสารแบบเหมาไม่จำกัดเที่ยวและเส้นทาง 30 บาท/วัน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าปัจจุบัน ผู้ใช้บริการกว่า 95% มีการเดินทางไกลและต้องจ่ายค่าโดยสารสูงกว่า 30 บาท ขณะที่เส้นทางของรถเอกชนร่วมบริการ จำนวน 54 เส้นทางนั้นเอกชนจะเข้าสู่ระบบเดียวกัน รับจ้างขสมก.วิ่งตามระยะทาง เก็บค่าโดยสาร 30 บาท
โดยหลังจากนี้จะนำเสนอข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์กระทรวงการคลัง พิจารณาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติคาดว่าไม่เกินเดือนต.ค. และจะทยอยรับมอบรถใหม่ ตั้งแต่ปี 2564 และครบทั้ง 2,511 คัน ในปี 2565