นายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยในเดือน ก.ค.50 พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 72.7 จาก 80.9 ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี
ทั้งนี้เป็นผลมาจากยอดคำสั่งซื้อและยอดขายที่ลดลงทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศเป็นผลมาจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงอยู่ในช่วงชะลอตัว ขณะที่ต่างประเทศเป็นผลมาจากเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การลดลงของยอดคำสั่งซื้อและยอดขายยังทำให้ความเชื่อมั่นด้านปริมาณการผลิตและผลประกอบการปรับตัวลดลง โดยผลประกอบการที่ปรับตัวลดลงส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาขายได้เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ด้านต้นทุนการผลิต ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นอันเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงบ้างเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของผู้ประกอบการยังคงเป็นปัจจัยเดียวกับเดือนมิ.ย. คือ ปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยน, เศรษฐกิจโลก, ราคาน้ำมัน และสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการเชื่อมั่นว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น สำหรับปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยกระทบต่อกิจการน้อยลง ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งไม่ส่งผลกระทบต่อกิจการ
นายอดิศักดิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐนั้น เห็นว่ารัฐบาลควรดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าและมีเสถียรภาพ เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ/การบริโภค ส่งเสริมบรรยากาศทางการเมืองให้มีเสถียรภาพ และกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน ส่งเสริมการแข่งขันด้านตลาดกับต่างประเทศ และเร่งแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--