ธปท.ประกาศตั้งกองทุนเสริมสภาพคล่อง SME กำหนดเวลาช่วยเหลือ 3 ปี

          ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ระบุว่า ทางการจัดวงเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาททั้งสิ้น 5,000 ล้านบาท โดยวงเงิน 4,500 ล้านบาทให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทและ ขาดสภาพคล่อง ส่วนวงเงิน 500 ล้านบาท จะให้แก่ SMEs ที่ขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรงและอาจมีผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ให้ธนาคารพาณิชย์ โดยมีระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือ 3 ปี 
          ทั้งนี้ SMEs แต่ละรายจะได้รับความช่วยเหลือไม่เกิน 5 ล้านบาท หากมีส่วนที่เกิน 5 ล้านบาทให้ใช้สินเชื่อปกติจากธนาคารพาณิชย์  
          ธปท.จะจัดสรรวงเงินให้แต่ละธนาคารพาณิชย์โดยใช้ยอดคงค้างสินเชื่อ SMEs ของแต่ละธนาคารพาณิชย์ ณ สิ้น ธันวาคม 2549 เป็นเกณฑ์จัดสรรทั้งในส่วนของวงเงิน 4,500 ล้านบาท และ 500 ล้านบาท 
          ในส่วนของวงเงิน 4,500 ล้านบาท ธปท. และธนาคารพาณิชย์ สมทบเท่ากันในอัตราร้อยละ 50 ของเงินที่ให้ความช่วยเหลือ โดยกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยจากลูกค้า ไม่เกินอัตราร้อยละ MLR-2.25 ต่อปี และ ธปท.คิดจากธนาคารพาณิชย์ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปี 
          ส่วนของวงเงิน 500 ล้านบาท ธปท.จะสมทบให้ร้อยละ 90 และธนาคารพาณิชย์สมทบร้อยละ 10 โดย ธปท.คิดดอกเบี้ยจากธนาคารพาณิชย์ในอัตราร้อยละ 1 ต่อปีเช่นกัน ส่วนธนาคารพาณิชย์คิดจากลูกค้าในอัตราไม่เกินร้อยละ MLR+1 ต่อปี เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้มีความเสี่ยงภาวะหนี้เสียสูง 
          อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับลูกค้าในกลุ่มนี้ที่ปกติธนาคารพาณิชย์จะคิดดอกเบี้ยในอัตราอย่างน้อยร้อยละ MLR+4 ต่อปี 
          ธปท.ยังเปิดให้บริษัทเรือไทยทำเรื่องขออนุญาตขอรับชำระค่าระวางขนส่งเป็นเงินตราต่างประเทศเป็นรายกรณี โดยสภาหอการค้าฯ และสภาอุตสาหกรรมฯ จะทำหนังสือเวียนแจ้งระเบียบดังกล่าว ให้สมาชิกทราบโดยด่วน 
          ส่วนสายการเดินเรือของต่างประเทศสามารถรับชำระเป็นเงินตราต่างประเทศได้อยู่แล้วด้วยการนำเงินฝากเงินตราต่างประเทศเพื่อชำระค่าระวางขนส่งระหว่างประเทศให้กับผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ(NR) โดยบริษัทเรือต่างชาติสามารถเปิดบัญชี FCD กับธนาคารพาณิชย์ไทย และผู้ส่งออกสามารถโอนเงินจากบัญชี FCD ของตนไปชำระ ค่าระวางเรือได้โดยไม่ต้องแลกเป็นเงินบาทก่อน