ธนาคารแบงค์ ออฟ ไชน่า และธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อีก 5 แห่งของจีนสูญเงินรวมกันกว่า 4.9 พันล้านหยวนจากการลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองแก่ผู้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ หรือ ตลาดซับไพร์มสหรัฐ
แคปิตอล วีคลี่ รายงานอ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อจากสถาบันการเงินอเมริกันว่า แบงค์ ออฟ ไชน่า ขาดทุนรายใหญ่สุดราว 3.85 พันล้านหยวนเมื่อสิ้นสุดปีนี้ ซึ่งจะคิดเป็น 4.5% ของกำไรก่อนชำระภาษีของธนาคารในปี 2550
นิตยสารรายเดือนฉบับนี้ ระบุด้วยว่า ธนาคารไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ สูญเงินกว่า 576 ล้านหยวนภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ธนาคาร อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงค์ ออฟ ไชน่า จะขาดทุนกว่า 120 ล้านหยวน
นอกจากนี้ แบงค์ ออฟ คอมมูนิเคชั่นส์ ขาดทุน 252 ล้านหยวน ไชน่า เมอร์ชานท์ส แบงค์ ขาดทุน 103 ล้านหยวน รวมทั้ง ซิติค แบงค์ จะขาดทุน 19 ล้านหยวน เมื่อนับรวมการขาดทุนในธนาคารทั้ง 5 แห่งที่กล่าวมาจะคิดเป็น 1% ของผลกำไรก่อนชำระภาษีปี 2550 ของธนาคารเหล่านี้
เมื่อสัปดาห์ก่อน จู หมิน รองประธานแบงค์ ออฟ ไชน่า ได้ออกมาปฏิเสธผลกระทบจากตลาดซับไพร์มต่อธนาคาร โดยกล่าวว่า ธนาคารอาจสูญเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐจากการลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยรองรับ (mortgage-Backed Securities หรือ MBS)
ทั้งนี้ รายงานอ้างคำกล่าวของ หวาง จ้าวเหวิน โฆษกแบงค์ ออฟ ไชน่า ว่า ธนาคารจะแสดงรายละเอียดข้อมูลถึงผลกระทบจากตลาดซับไพร์มในวันที่ 20 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารรายงานผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร โทร.0-2253-5050 อีเมล์: ruedee@infoquest.co.th--