นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันพรุ่งนี้ (22 ก.ย.) พิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ประกอบด้วย 1.โครงการคนละครึ่ง โดยแจกเงิน 3,000 บาทให้ประชาชนทั่วไปจำนวน 10 ล้านคน และ 2.โครงการเพิ่มวงเงินซื้อของกินของใช้ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านคน อีกคนละ 500 บาท/เดือน เป็นคนละ 700-800 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.63 หรือเท่ากับเพิ่มให้รวมคนละ 1,500 บาท
ทั้งนี้ สศค.คาดว่ามาตรการที่จะนำเสนอดังกล่าวจะใช้วงเงินดำเนินการราว 5.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคของประเทศในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น และเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นถึง 24 ล้านคน
ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวว่า รัฐบาลจะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 ซึ่งจะต้องเป็นร้านค้าขนาดเล็ก หาบเร่ แผงลอย เนื่องจากวัตถุประสงค์คือต้องการร้านของกิน-ของใช้ เช่น ร้านโชห่วย หรือร้านธงฟ้า ส่วนร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่เป็นนิติบุคคล เช่น ร้านสะดวกซื้อ รัฐบาลจะไม่เปิดให้เข้าร่วมโครงการ
จากนั้นในวันที่ 16 ต.ค.63 เวลา 06.00-23.00 น.จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป และต้องไม่ใช่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถจองสิทธิผ่าน www.คนละครึ่ง.com โดยระบบจะเปิดรับต่อเนื่อง 10 ล้านคน หากวันแรกไม่เต็ม ก็จะเปิดรับวันต่อ ๆ ไปจนเต็มตามจำนวน
หลังลงทะเบียนแล้วภายใน 2 วัน ผู้ลงทะเบียนจะได้รับข้อความ SMS แจ้งว่าผ่านการพิจารณาหรือไม่ จากนั้นให้เข้าไปโหลดแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง"ซึ่งรัฐบาลจะโอนวงเงิน 3,000 บาทให้กับผู้ได้สิทธินำไปซื้อของกินของใช้จากร้านค้ารายย่อยที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งร้านค้าจะมีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" โดยผู้ได้สิทธิต้องโอนเงินส่วนที่จะซื้อของเข้าแอปพลิเคชันเป๋าตังของตัวเองด้วย เพราะมาตรการนี้เป็นการร่วมจ่ายกันคนละครึ่ง สำหรับผู้ได้สิทธิสามารถเริ่มใช้จ่ายในโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.63 ในช่วงเวลา 06.00-23.00 น.ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.63 โดยรัฐบาลกำหนดช่วยจ่ายค่าซื้อสินค้าวันละไม่เกิน 100 บาท หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน ซึ่งการซื้อสินค้าจะต้องจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น โดยนำแอปพลิเคชันเป๋าตังไปสแกนกับแอปพลิเคชันถุงเงินของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ "ระบบการลงทะเบียนและการใช้เงิน จะทำได้เวลา 06.00-23.00 น. ของทุกวัน เพราะระบบต้องหยุดเพื่อประมวลผลข้อมูลต่าง ๆ โดยเฉพาะการจ่ายเงินให้กับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต่อไป โดยโครงการนี้ ผู้ได้สิทธิต้องจ่ายเงินชำระสินค้าผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งผู้ได้สิทธิก็ต้องเตรียมเงินไว้ให้เพียงพอกับซื้อสินค้าด้วย ไม่สามาระชำระเป็นเงินสด เพื่อป้องกันการทุจริต" นายลวรณ กล่าว
ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิแล้วจะต้องเริ่มใช้เงินครั้งแรกภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS หากไม่ใช้เงินระบบจะตัดชื่อออก เพื่อให้คนอื่นเข้ามาจองสิทธิใหม่ โดยผู้ที่ถูกตัดสิทธิยังสามารถมาลงทะเบียนใหม่ได้ โดยโครงการนี้ต้องการให้เกิดการใช้จ่ายจริงๆ ไม่ต้องการให้มีการของกักสิทธิของผู้อื่นที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ สำหรับการช่วยเหลือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้วงเงินซื้อสินค้าเพิ่มอีกเดือนละ 500 บาท จากปัจจุบันที่ได้รับเดือนละ 200 กับ 300 บาทนั้น จะได้รับเพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 700 บาท กับ 800 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.63 หรือเท่ากับได้เงินเพิ่มอีก 1,500 บาท เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าคนกลุ่มนี้เข้าถึงเทคโนโลยีลำบาก ทำให้ไม่สะดวกที่จะไปจองสิทธิรับเงิน 3,000 บาท จึงให้ความช่วยเหลือแยกออกมา ซึ่งจะทำให้สามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยได้เพิ่มมากขึ้น