นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือน ส.ค.63 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจภูมิภาคปรับตัวดีขึ้นในหลายภูมิภาคเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า อาทิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เป็นต้น สอดคล้องกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
*ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนหลายตัวปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นโดยขยายตัวอยู่ที่ 28.9% 10.4% และ 3.5% ต่อปีตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวอยู่ที่ 4.4% ต่อปีน
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 53.7 และ 73.0 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -32.3% และ -46.7% ต่อปีตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -44.1% และ -51.4% ต่อปีตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.4% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -0.5% ต่อปี
*ภาคกลาง
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ และรายได้เกษตรกร ขยายตัวถึง 17.0% และ 15.4% ต่อปีตามลำดับ สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 3.0% ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการ ขยายตัวได้ 166.8% ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 1,583 ล้านบาท สำหรับวัตถุดิบที่เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตแอลกอฮอล์ในจังหวัดชัยนาทและจากโรงงานรับจ้างสีข้าวและขัดข้าวในชุมชนท้องถิ่นที่อยู่รอบบริเวณโรงงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 49.5 และ 85.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -54.2% และ -66.6% ต่อปีตามลำดับ แต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -62.8% และ -70.2% ต่อปีตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.9% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -1.7% ต่อปี
*ภาคเหนือ
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนหลายตัว เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ จำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ และรายได้เกษตรกรขยายตัวได้ที่ 0.6% 4.2% และ 14.2% ต่อปี ตามลำดับ
นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 52.4 และ 66.5 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -35.2% และ -59.3% ต่อปีตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -35.9% และ -55.6% ต่อปีตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.7% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -0.9% ต่อปี
*ภาคตะวันออก
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัวได้ถึง 22.6% ต่อปี สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวได้ดีอยู่ที่ 79.4% ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 2,854 ล้านบาท จากโรงงานผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น อุปกรณ์รับส่งสัญญาณภาพและเสียงในจังหวัดชลบุรีเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งสองดัชนีเป็นเดือนที่ 4 อยู่ที่ระดับ 53.8 และ 103.2 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -44.4% และ-74.8% ต่อปีตามลำดับแต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -51.5% และ -75.7% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ -0.8ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ -1.6 ต่อปี
*ภาคตะวันตก
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนซึ่งสะท้อนจากรายได้เกษตรกรขยายตัว 36.3% ต่อปี เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ที่กลับมาขยายตัวได้โดยขยายตัวอยู่ที่ 2.2% ต่อปี
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 49.5และ 85.3 ตามลำดับส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -21.3% และ -45.9% ต่อปีตามลำดับจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -21.6% และ -41.6% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.8% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -1.7% ต่อปี
*กรุงเทพฯ และปริมณฑล
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชนมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกร โดยขยายตัวอยู่ที่ 15.7% ต่อปี จากราคาพืชผล อาทิ ข้าว พืชผัก และกล้วย ที่เพิ่มขึ้น สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน จำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัวได้ดีอยู่ 21.3 ต่อปี และเงินทุนของโรงงานที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการที่ขยายตัวได้ดีอยู่ที่ 45.1% ต่อปี ด้วยเงินทุนจำนวน 6,308 ล้านบาท จากโรงงานทำถุงพลาสติกในจังหวัดกรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 50.4 และ 85.3 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -65.7% และ -84.7% ต่อปีตามลำดับแต่ชะลอตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -79.8% และ -90.0% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -0.5% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -1.0% ต่อปี
*ภาคใต้
สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกรที่ขยายตัวได้ที่ 16.8% ต่อปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 47.5 และ 81.9 ตามลำดับ ส่วนหนึ่งเนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ทำให้มีการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวยังชะลอตัวโดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือนและรายได้ จากการเยี่ยมเยือนหดตัวอยู่ที่ -67.8% และ -87.5% ต่อปีตามลำดับจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวอยู่ที่ -68.0% และ -87.1% ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ พบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ -1.1% ต่อปี จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -1.8% ต่อปี