นายจอน วงศ์สวรรค์ หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เกียรตินาคินภัทร ในฐานะผู้พัฒนา MANDATE SERVICE เปิดเผยว่า บล.เกียรตินาคินภัทร ได้เปิดตัว MANDATE SERVICE คำตอบเดียวของการลงทุนต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด "Tailored Solutions Professionally Managed" ที่ช่วยให้ลูกค้าบุคคลเข้าถึงสินทรัพย์ต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยบริการจัดโมเดลการลงทุนที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และความต้องการเฉพาะตัวลูกค้า คัดสรรสินทรัพย์และผู้จัดการกองทุนที่ตอบโจทย์ ตลอดจนบริหารจัดการ และติดตามผลลัพธ์ของพอร์ตการลงทุนตลอดเวลาโดยมืออาชีพ
ทั้งนี้ นอกจากการให้คำแนะนำในการลงทุน MANDATE SERVICE ยังมีการใช้เทคโนโลยีของ Quantifeed ผู้นำด้าน Digital Wealth Solution Technology ของเอเชีย มาเสริมด้านวินัยทางการลงทุนเพื่อช่วยให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามแผน และมีกระบวนการติดตามผลที่แม่นยำ
"จากสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ว่าจากปัจจัยทาง เศรษฐกิจ หรือการเมือง นักลงทุนอาจประสบกับความยุ่งยากในการจัดการภารกิจในชีวิต จนทำให้ไม่มีเวลาดูแลพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม และออกนอกกรอบวินัยการลงทุน ส่งผลให้การลงทุนอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย บล.เกียรตินาคินภัทร จึงได้พัฒนา MANDATE SERVICE ให้เป็นโซลูชั่นการลงทุนแบบครบวงจร โดยใช้ทีมนักวิเคราะห์การลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญในการคัดเลือกสินทรัพย์และผลิตภัณฑ์ที่มีประสบการณ์มา อย่างยาวนาน เป็นผู้ช่วยตัดสินใจและบริหารการลงทุนภายใต้กรอบที่ลูกค้าได้กำหนด รวมถึงการรักษา สัดส่วนการลงทุนแบบเคร่งครัด การบริหารความเสี่ยง การปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสถานการณ์ ตลอดจนทบทวนและติดตามผลการลงทุน เพื่อให้นักลงทุนไม่เสียโอกาส" นายจอน กล่าว
นอกจากนั้น MANDATE SERVICE ยังใช้จุดแข็งของ บล.เกียรตินาคินภัทร ในการวิเคราะห์และคัดเลือก สินทรัพย์จากหลากหลาย บลจ. (open architecture) เพื่อสร้างโมเดลพอร์ตการลงทุนให้ตอบโจทย์การ ลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ในภูมิภาคต่างๆ สามารถนำลูกค้าไปสู่การลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลก และในหลายอุตสาหกรรมที่ไม่มีในประเทศ
ปัจจุบัน บล.เกียรตินาคินภัทร มีสินทรัพย์ภายใต้การให้คำแนะนำอยู่กว่า 700,000 ล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี
"การลงทุนในต่างประเทศในปัจจุบันถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะภาพรวมการลงทุนทั่วโลกมีความน่าสนใจและหลากหลายกว่าการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งทำ all time high ไปเมื่อช่วงเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะยังคง Underperform ตลาดหุ้นโลกต่อไป เนื่องมาจาก ปัจจัยเชิงโครงสร้าง ทั้งเรื่องสังคมสูงวัย ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ทำให้เศรษฐกิจไทย ขยายตัวในระดับต่ำกว่าประเทศอื่น และกองทุนต่างประเทศก็มีการขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บล.เกียรตินาคินภัทร ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ หดตัวที่ระดับ -9% ขณะที่ปรับลดประมาณการการเติบโต ปี 64 ลงเป็น 3.4% จาก 5.2% เนื่องด้วยปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อย่าง การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยไม่สดใสอย่างที่คาด อีกทั้งการท่องเที่ยวที่ยังซบเซา จนกว่าการวัคซีนจะสามารถเข้าถึงได้โดยกว้าง การล้มละลายของกิจการและระดับการเลิกจ้างที่คาดว่าจะสูงขึ้น และผลกระทบหลังโครงการพักชำระหนี้สิ้นสุดลงในเดือนต.ค.นี้ ซึ่งจะทำให้เงินสดไหลเวียน ที่คอยพยุงอุปสงค์ภายในประเทศมีปริมาณลดลง" นายจอน กล่าว