นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับประมาณการส่งออกในปี 2563 หดตัวในกรอบ -10.0% ถึง -8.0% ดีขึ้นจากเดิมที่คาด -12.0% ถึง -10.0% เนื่องจากการส่งออก ในไตรมาส 3 หดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้เดิม โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ภายหลังการ คลายล็อกดาวน์ทั่วโลก ซึ่งสินค้ากลุ่มอาหารและสุขอนามัยที่เป็นที่ต้องการมีการขยายตัวต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจยัง ต่ำกว่าปกติอยู่มาก เห็นได้จากจำนวนผู้ว่างงานที่ยังไม่ลดลง
อย่างไรก็ตาม เงินบาทอ่อนค่าจากผลของดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้นในภาวะที่ตลาดกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยกังวล การระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากปัจจัยการเมืองทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ความผันผวนเพิ่มขึ้น จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับในช่วงที่เหลือของปีค่าเงินบาทยังมีแรงหนุนแข็งค่า จากดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 คาดว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ การแพร่ระบาด ของโควิด-19 ทั่วโลกเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในเดือนก.ย. กดดันการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร รัสเซีย อินเดีย และหลายแห่งในเอเชีย ซึ่งหากลุกลามไปมากจะกระทบธุรกิจการส่งออกของไทย รวมถึง ความสามารถในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในระยะต่อไป แม้ว่าจะไม่กระทบกับการเปิดรับแบบเฉพาะกลุ่มที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ตาม ส่วนปัจจัยในประเทศ ได้แก่ การที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในวงกว้างทยอยหมดอายุลง
ที่ประชุม กกร. มองว่า หากไม่เกิดการระบาดโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย หรือสามารถควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 จะฟื้นตัวได้ต่อไป แต่ยังคงต้องการการสนับสนุนจากมาตรการของรัฐที่ต่อเนื่องและตรงจุด
ขณะที่ กกร.ยังคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% และอัตราเงินเฟ้อคงเดิมที่ - 1.5% ถึง -1.0%
กรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2563 ของกกร. %YOY ปี 2562 ปี 2563 ปี 2563 (ณ ก.ย.63) (ณ ต.ค.63) GDP 2.4 -9.0 ถึง -7.0% -9.0 ถึง -7.0% ส่งออก -2.7 -12.0 ถึง-10.0% -10.0 ถึง -8.0% เงินเฟ้อ 0.7 -1.5 ถึง -1.0% -1.5 ถึง -1.0%
โดยกกร. และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือฯ ร่วมกันจัดทำข้อเสนอด้าน เศรษฐกิจ โดยนำประเด็นดังกล่าวหารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ในประเด็นที่สำคัญ ต่างๆ อาทิ ด้านการค้า การลงทุน, การจ้างงาน, SME, โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เป็นต้น ก่อนจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการร่วม ภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ซึ่งจะเป็นข้อเสนอที่ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
นอกจากนี้ กกร.ยังได้เสนอให้มีการต่ออายุมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ อาทิ มาตรการชะลอการคืนเงินกู้ โดยขอให้ครอบคลุมตามความเหมาะสมของผู้ประกอบการแต่ละประเภท, การขอยืดมาตรการค่าน้ำ ค่าไฟ (รวมถึง minimum change), การลดเก็บภาษีน้ำมันเครื่องบิน และเร่งรัด soft loan ของสายการบิน
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยังเชื่อว่า การที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เข้ามาทำหน้าที่ รมว.คลังคนใหม่จะ สามารถขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่องไปได้ เพราะเคยเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์ และอดีต รมต.มาแล้ว จึงน่าจะมีความ เข้าใจปัญหาของภาคเอกชน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะจัดทำโครงการชิมช้อปใช้นั้นก็เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ยังต้องรอดูรายละเอียดว่าจะมีวิธีการ อย่างไร
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หลังจากภาคเอกชนได้มีการหารือ กันถึงแนวทางเร่งรัดการชำระหนี้ให้กับเอสเอ็มอีไม่ให้เกิน 30 วัน เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องนั้น กกร.เห็นว่าในส่วนของหน่วยงานราชการ เองก็น่าจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้ โดยขอให้มีการเร่งเบิกจ่ายโดยเร็วหลังตรวจรับงานแล้ว