นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีดำริให้พิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้ ของลูกหนี้ที่ได้รับการพักชำระหนี้ตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมียอดกว่า 6 ล้านล้านบาท จำนวนลูกหนี้ 12.5 ล้านราย ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ในสิ้นเดือน ต.ค.นี้
แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้วางกรอบแนวทางในการแก้ปัญหาไว้แล้ว แต่นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ ธปท.ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สมาคมตลาดทุนไทย และสมาคมโรงแรมไทย ที่มีตัวแทนเป็นกรรมการอยู่ในศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) หาข้อสรุปเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยเร็ว
ขณะที่ ธปท.รายงานความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในที่ประชุม ศบศ.ประกอบด้วย 3 ระยะสำคัญ ดังนี้
1. การเยียวยาช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย SMEs Corporate ได้แก่ ลูกหนี้รายย่อย รวมมูลค่า 3.84 ล้านล้านบาท จำนวน 10.97 ล้านบัญชี ลูกหนี้ SMEs รวมมูลค่า 2.14 ล้านล้านบาท จำนวน 1.12 ล้านบัญชี และลูกหนี้ corporates รวมมูลค่า 0.92 ล้านล้านบาท จำนวน 37,114 บัญชี
2. สถาบันการเงินติดตามดูแลลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ติดต่อลูกหนี้ไปเยี่ยมกิจการ เพื่อประเมินผลกระทบ รวมทั้งจัดทำช่องทางให้ลูกหนี้แจ้งสถานะและความประสงค์ในการรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เป็นต้น
3. การเตรียมมาตรการรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจในระยะต่อไป โดยลูกหนี้ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการ DR BIZ ซึ่งเป็นระบบ one stop service ให้ลูกหนี้ได้ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อแก้ไขหนี้เดิม และมีโอกาสได้สินเชื่อใหม่