กรมทางหลวง-กรมทางหลวงชนบท-เอสซีจี-กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย-มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมมือศึกษาและพัฒนาการนำพลาสติกเหลือใช้ เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมในแอสฟัลต์คอนกรีตสำหรับงานก่อสร้างทาง ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรง และยืดอายุการใช้งานของถนน หวังสร้างมาตรฐานใหม่ให้การทำถนนของประเทศ ตอบโจทย์การส่งเสริมการบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธี และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) สอดคล้องตามนโยบาย BCG Economy (Bio - Circular - Green Economy) ของรัฐบาล
โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือด้านวิชาการ ทรัพยากร และการบริหารจัดการที่ภาคเอกชน โดยบมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือเอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย จะนำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการวิจัยและพัฒนาการทำถนนพลาสติกรีไซเคิลที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 ซึ่งผ่านกระบวนการทดสอบตามมาตรฐานในห้องปฏิบัติการ และใช้งานจริงในพื้นที่ของภาคเอกชนต่าง ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมอาร์ ไอ แอล จ.ระยอง และนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี เป็นต้น มาใช้ศึกษาและพัฒนาโครงการนี้
โดยมีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้เข้าร่วมศึกษางานวิชาการ รวมถึงผลกระทบเชิงสิ่งแวดล้อม ตลอดจนกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท ได้เข้ามาร่วมศึกษาและสนับสนุนการจัดทำมาตรฐานการนำพลาสติกเหลือใช้มาเป็นส่วนผสมในแอสฟัลต์คอนกรีต ซึ่งหากโครงการฯ สำเร็จ จะสามารถขยายผลไปสู่การทำถนนในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทยได้จริง ช่วยส่งเสริมการบริหารจัดการขยะ โดยเฉพาะพลาสติกได้อย่างยั่งยืนตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ถนนจากพลาสติกรีไซเคิลความยาว 1 กิโลเมตร ที่มีหน้ากว้างถนน 6 เมตร จะสามารถนำขยะพลาสติกไปใช้ประโยชน์ได้ถึงประมาณ 3 ตัน หรือเท่ากับถุงพลาสติกเกือบ 900,000 ใบ ปัจจุบันเอสซีจี และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ร่วมกับภาคเอกชนทำถนนแอสฟัลต์คอนกรีตต้นแบบที่มีพลาสติกเหลือใช้เป็นส่วนผสม รวมความยาวถนน 7.7 กิโลเมตร สามารถนำพลาสติกเหลือใช้หมุนเวียนกลับมาสร้างคุณค่าได้รวม 23 ตัน
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า การที่กรมทางหลวงได้ร่วมมือกับกรมทางหลวงชนบท เอสซีจี กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการร่วมกันวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างมาตรฐานทางใหม่ ๆ โดยนำพลาสติกเหลือใช้มาเป็นส่วนผสมแอสฟัลต์คอนกรีต เพื่อตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งในอนาคต ที่จะนำพลาสติกเหลือใช้ดังกล่าวมาใช้ในงานก่อสร้าง และบำรุงรักษาเส้นทางของกรมทางหลวง ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวิศวกรรม ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยให้การศึกษาพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพลาสติกเหลือใช้ (ขยะพลาสติก) บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรมที่จะสร้างมาตรฐานในการก่อสร้างและบำรุงรักษาถนน ในอนาคต ที่สามารถลดปริมาณการใช้แอสฟัลต์ และสามารถนำขยะพลาสติกนำกลับมาใช้ใหม่ (รีไซเคิล) ในโครงการก่อสร้างถนนได้ เป็นการสร้างคุณค่าให้กับขยะพลาสติกประเภทบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วที่ไม่มีราคาได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดขยะพลาสติกตกค้าง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกิดประโยชน์สูงสุดในการใช้ทรัพยากร ตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
ทั้งยังช่วยเสริมสร้างวิสาหกิจชุมชนในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง BCG (Bio ? Circular - Green Economy) ที่เป็นการแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป"
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีมุ่งนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มาประยุกต์ใช้ทั้งในองค์กรและสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมากว่า 2 ปี ด้วยเห็นถึงความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสูงสุด เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกที่ยังขาดการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในนั้นคือการร่วมกับกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เพื่อทำต้นแบบถนนที่มีส่วนผสมของพลาสติกที่เหมาะสมต่อการใช้งานถนนในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นได้อีกด้วย
เอสซีจีจะให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการจัดหาเศษพลาสติกเหลือใช้ อาทิ ชนิดและคุณภาพ รวมทั้งวิธีการแปรรูป อาทิ การล้าง บดย่อย และบรรจุ เพื่อให้พร้อมต่อการใช้งาน และยังจะเดินหน้ารณรงค์ส่งเสริมให้เกิดการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อให้สามารถนำขยะพลาสติกจากองค์กรและชุมชนมาใช้ประโยชน์ในโครงนี้ได้ โดยมุ่งหวังว่าจะสามารถผลักดันโครงการดังกล่าวไปสู่การเป็นมาตรฐานการทำถนนของภาครัฐ เพื่อใช้งานจริงในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศได้ต่อไป
นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มบริษัทดาว ได้ริเริ่มโครงการถนนพลาสติกรีไซเคิลมาแล้วในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางออกให้กับขยะพลาสติกที่รีไซเคิลได้ยาก ให้เกิดการนำกลับมาใช้ประโยชน์ รวมทั้งยังสร้างความตระหนักในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ช่วยลดขยะเทียบเท่ากับบรรจุภัณฑ์พลาสติกกว่า 50 ล้านถุงแล้ว
โครงการถนนพลาสติกนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการก่อสร้างถนนซึ่งช่วยให้มีความแข็งแรงทนทานมากขึ้นกว่าการใช้ยางมะตอยตามปกติ และยังเป็นประโยชน์ต่อการจัดการขยะ เพราะช่วยนำพลาสติกเหลือใช้กลับมาใช้ประโยชน์และสร้างมูลค่า ช่วยลดปริมาณพลาสติกที่จะต้องถูกทิ้งเป็นขยะ