นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเดือนเดือน ต.ค.ราคาทองเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นหลังจากที่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาราคาแกว่งตัวลงเพื่อปรับฐาน
อย่างไรก็ดี หากมองจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันพบว่าราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วกว่า 25% ถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงกว่าปกติที่แต่ละปีราคาทองคำจะปรับขึ้นมาประมาณ 5-10% โดยราคาทองคำในระดับปัจจุบันถือว่าเป็นการปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ สาเหตุหลักมาจากจากเศรษฐกิจโลกที่ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวให้กลับไปสู่ภาวะปกติ
อีกทั้งผลตอบแทนดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะต่างประเทศที่ลดลงเหลือ 0% รวมถึงสินทรัพย์รูปแบบอื่นๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เริ่มซื้อ-ขายลำบากทำให้สภาพคล่องต่ำ นักลงทุนส่วนหนึ่งจึงเน้นถือเงินสด และบางส่วนนำเงินลงทุนมาพักไว้ในทองคำ ดังนั้น ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำราคาทองจึงยังคงอยู่ในขาขึ้น โดยราคาทองคำจะเข้าสู่ช่วงขาลงก็ต่อเมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มปรับตัวดีขึ้น
ส่วนทิศทางราคาทองคำรอบนี้จะปรับขึ้นไปได้อีกไกลแค่ไหนนั้น YLG มองว่าจะต้องผ่าน 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ก่อนจึงจะไปได้ต่อ ซึ่งก่อนหน้านี้ราคาทองคำเคยทดสอบ 2,075 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และปรับลดลงมาในช่วงปลายเดือน ก.ย. แต่ในช่วงนี้ราคายังทรงตัวไม่หลุด 1,872-1,847 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ดังนั้นมองว่า 1,847-1,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์อาจจะเป็นฐานใหม่ ก่อนจะปรับขึ้นในช่วงต่อไป
ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้ที่น่าจับตาคือประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าหากผลการเลือกตั้งออกมาว่านายโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากนายไบเดน มีนโยบายภาษีที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น ซึ่งหากหุ้นปรับตัวลงเงินลงทุนจะไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ กลับกันหากหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะ แม้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น และจะทำให้ราคาทองปรับลดลง อย่างไรก็ตามนโยบายบางอย่างของนายทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำได้ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา ก็มีนโยบายสงครามการค้า ที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำ เป็นต้น