นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม เปิดเผยว่า เป้าหมายยอดขายของธุรกิจ บี.กริม ทั้งหมดจะเติบโตขึ้นสู่ระดับ 1.5 แสนล้านบาทในปี 72 เป็นการเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ที่คาดว่าจะทำยอดขายราว 6 หมื่นล้านบาท และ 5.9 หมื่นล้านบาทในปีที่แล้ว ขณะที่พอร์ตการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการโดย บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) ยังคงเป็นพอร์ตสร้างรายได้มากสุดของกลุ่ม หลังจากในปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ราว 4.4 หมื่นล้านบาท โดย บี.กริม มีแผนขยายงานต่อเนื่องจากโครงการใหม่ ๆ ทั้งในภาคของอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า รวมถึงเตรียมเปิดให้บริการคลินิกเพื่อดูแลสุขภาพในช่วงปลายปีนี้ด้วย
สำหรับโครงสร้างธุรกิจของ บี.กริม ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. กลุ่มธุรกิจพลังงาน 2. กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม แบ่งเป็น 4 สายธุรกิจ ด้านอุปกรณ์พลังงาน (Energy Equipment) ด้านระบบทำความเย็น (Cooling) ด้านคมนาคม (Transportation) ด้านผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (Building Materials) 3. กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare) 4. กลุ่มธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล 5. กลุ่มธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ และ 6.กลุ่มธุรกิจด้านการลงทุน แบ่งเป็น 3 สายธุรกิจ ด้านอสังหาริมทรัพย์ ,ธุรกิจร่วมทุน และด้านการศึกษา
"เรามีหลาย ๆ โครงการที่กำลังเติบโตทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม healthcare ก็สร้างรายได้ได้ 1.7-1.8 หมื่นล้านบาท เรามีทั้งนำเข้าและมีโรงงานผลิตที่นี่ มีโรงงานผลิตเครื่องปรับอากาศ มีโรงงานทำปั๊มน้ำ ในด้าน healthcare เราก็เริ่มให้บริการทำคลินิก รวมถึงให้คำแนะนำจะดำเนินชีวิตอย่างไร ก็จะนำร่องในเดือนธันวาคมนี้ที่ บี.กริม ก่อน"นายลิ้งค์ กล่าว
นายลิ้งค์ กล่าวอีกว่า ยอดขายของธุรกิจ บี.กริม ในปีนี้ยังปรับตัวขึ้นมาได้ แม้จะไม่ได้ดีมากนัก ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้นักลงทุนยังไม่ได้เข้ามาในไทยมากนัก เพราะการที่มีนักลงทุนเข้ามาก็จะทำให้เกิดการซื้อที่ดินมากขึ้น รวมถึงมีการสร้างโรงงานมากขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจ บี.กริม ด้วย ขณะเดียวกัน บี.กริม ยังคงส่งเสริมการจ้างงานต่อเนื่องตามการขยายการลงทุนของกลุ่ม และไม่ได้มีการลดพนักงานแต่อย่างใด