นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบโครงการ "ช้อปดีมีคืน" ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นโครงการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปีภาษี 2563 สำหรับค่าซื้อสินค้าและบริการให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันไม่เกิน 30,000 บาท โดยผู้มีเงินได้ที่จะใช้สิทธิต้องไม่ได้เป็นผู้ใช้สิทธิในโครงการ "คนละครึ่ง" หรือ บัตรสวัสดิการของรัฐ
ในส่วนสินค้าหรือค่าบริการ จะไม่รวม สุรา เบียร์ ไวน์, ยาสูบ, ค่าน้ำมัน และก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ, ค่ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ, ค่าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ที่อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต, ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวว่าด้วยกฎหมายนำเที่ยว หรือ มัคคุเทศน์, ค่าที่พักในโรงแรมที่จ่ายให้ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เพราะบางส่วนอยู่ในโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน"
ทั้งนี้ ผู้มีรายได้จะต้องซื้อสินค้าหรือค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย และต้องได้รับใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ
นายอนุชา กล่าวว่า ในส่วนการซื้อสินค้าและค่าบริการหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ที่อยู่ในรูปแบบของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ และสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว จะจ่ายให้กับผู้ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนมูลค่าเพิ่มได้
จากฐานข้อมูลของผู้เสียภาษีรายได้บุคลลธรรมดา ปี 2561 คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิประมาณ 3.7 ล้านคน จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 14,000 ล้านบาท แต่จะมีเม็ดเงินเข้ามาเพื่อให้เกิดกำลังซื้อได้ประมาณ 1.11 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2563 โดยคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นได้ 0.03%