รายงานจากกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน และนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ได้ประชุมหารือติดตามสถานการณ์ราคา ข้าวเหนียวที่มีราคาปรับตัวลดลง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาข้าวเหนียวตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ โดยมีสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคม โรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กรมการข้าว และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรร่วมหารือ
เบื้องต้นพบว่าข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ เป็นข้าวเหนียวนาปรังพันธุ์สันป่าตอง 1 ซึ่งปกติราคาตลาดจะต่ำกว่าข้าวเปลือกเหนียวนาปีพันธุ์ กข 6 ที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ทำให้มี ความชื้นสูง ราคารับซื้อข้าวที่ความชื้นไม่เกิน 15% จะอยู่ที่ตันละ 9,000 ? 9,500 บาท (ข้าวสดความชื้น 28% ราคาอยู่ที่ตันละ 7,000 ? 7,500 บาท)
จากการประเมินสถานการณ์การเพาะปลูกข้าวเปลือกเหนียว ในปีนี้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มีความเห็นว่าปริมาณข้าวเปลือกเหนียวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มสูงมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ ซึ่งในปีที่ผ่านๆ มาที่ประสบภัยแล้งต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ราคาสูงกว่าปกติมาก อย่างไรก็ตามสำหรับราคาข้าวเปลือกเหนียวปัจจุบันคาดว่า น่าจะอยู่ที่จุดต่าสุดแล้ว
"เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวในช่วงนี้ กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศ ได้ขอความร่วมมือสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิต โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย จะได้ช่วยรับซื้อต่อเนื่อง และได้ประสานห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่จัดให้มีพื้นที่จำหน่ายข้าวสารเหนียว และจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภค"
นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศจะเจรจากับ COFCO เพื่อเสนอ ขายข้าวเหนียวและข้าวชนิดอื่นภายใต้ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตรไทย-จีนที่ยังอยู่ ระหว่างเจรจาส่งมอบอีก 300,000 ตัน ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกที่สาคัญของไทยอยู่แล้ว เพื่อกระตุ้นความต้องการข้าวเหนียวภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น รวมทั้ง บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากรและฝ่ายความมั่นคงเพื่อเข้มงวดการนำเข้าและการขออนุญาตขนย้าย ในการป้องกันไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียว จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเปลือกของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอมาตรการประกันรายได้และมาตรการคู่ขนาน (โครงการสินเชื่อชะลอการจำหน่าย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บ ตันละ 1,500 บาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวของสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ย ให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก) ที่ นบข. ได้เห็นชอบแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ของคณะรัฐมนตรี ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและเก็บเกี่ยวไปแล้วก่อนที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติยังคงได้รับสิทธิ์ ตามโครงการประกันรายได้ปี 2
ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศติดตามสถานการณ์ข้าวทั้งในประเทศและ ต่างประเทศร่วมกับผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด